นักเศรษฐศาสตร์สหประชาชาติระบุจีนมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นการเติบโตของโลกในปีนี้

คนงานตรวจสอบยานพาหนะก่อนออกจากสายการผลิตที่โรงงานผลิตรถยนต์ในเมืองชิงเต่า
มณฑลซานตงทางตะวันออกของจีน วันที่ 14 มกราคม 2566 (ภาพจากซินหัว)

จีนมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นการเติบโตของโลกในปี 2566 นายฮามิด ราชิด (Hamid Rashid) หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์สหประชาชาติกล่าวกับผู้สื่อข่าวซินหัวในการให้สัมภาษณ์หลังมีการเผยแพร่รายงานสถานการณ์และแนวโน้มเศรษฐกิจโลก พ.ศ. 2566 เมื่อวันที่ 25 มกราคมที่ผ่านมา

นายฮามิด ราชิด หัวหน้าแผนกติดตามเศรษฐกิจโลก ฝ่ายวิเคราะห์และนโยบายเศรษฐกิจแห่งสหประชาชาติกล่าวขณะแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจจีนว่าปีที่แล้วเป็นปีที่ยากลำบาก แต่ในปีนี้ จีน “สามารถมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการกระตุ้นการเติบโตของทั่วโลก”  โดยเขาซึ่งเป็นผู้เขียนหลักของรายงานดังกล่าวย้ำว่า “ผมคิดว่าส่วนผสมทั้งหมดสำหรับการฟื้นตัวอยู่ที่นั่น เรามองในแง่ดีเกี่ยวกับการฟื้นตัวในจีน”  พร้อมแสดงความมั่นใจว่าเศรษฐกิจจีนจะ “ฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง” ในปี 2566 เนื่องจากนโยบายของจีนสอดคล้องกันอย่างถูกต้อง ทั้งนโยบายการคลังและ นโยบายการเงิน “มาถูกทาง” ในจีนไม่มีการคุมเข้มนโยบายการเงิน ซึ่งค่อนข้างจะมั่นใจได้ เพราะนั่นอาจขัดขวางการเติบโตของเศรษฐกิจได้  อีกทั้งระบุด้วยว่า เศรษฐกิจจีนมีปัจจัยที่เอื้อต่อการเติบโตเนื่องจากอัตราเงินเฟ้ออยู่ในระดับต่ำ แม้อัตราเงินเฟ้อในที่อื่นจะสูงก็ตาม โดยเมื่อเทียบกับประเทศอื่นๆ จีนยังมี “อัตราเงินเฟ้อที่ต่ำมาก”  ซึ่งเป็นข้อได้เปรียบที่โดดเด่นวิกฤตการเงินโลกในปี 2551 ได้เปลี่ยนจีนให้กลายเป็นกลไกของเศรษฐกิจโลก การฟื้นฟูบทบาทของจีนในฐานะประเทศผู้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจเป็นข่าวดีสำหรับประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ อีกหลายประเทศ

รายงานสถานการณ์และแนวโน้มเศรษฐกิจโลก พ.ศ. 2566 สะท้อนภาพที่มืดมนของเศรษฐกิจโลก และเตือนว่าวิกฤตการณ์ที่เกิดขึ้นหลายครั้งและตัดกันมีแนวโน้มที่จะสร้างความเสียหายเพิ่มเติมให้กับเศรษฐกิจโลก โดย การเติบโตจะชะลอตัวจากร้อยละ 3 ในปี 2565 เป็นร้อยละ 1.9 ในปีนี้ หัวหน้าแผนกติดตามเศรษฐกิจโลก ฝ่ายวิเคราะห์และนโยบายเศรษฐกิจแห่งสหประชาชาติ ย้ำถึงความจำเป็นในการลงทุนเพื่อความสามารถในการผลิต ส่งเสริมทุนมนุษย์ และต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยการลงทุนเหล่านี้ จะนำพาให้ทั่วโลก “หลุดพ้นจากช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้”  เนื่องจากจะมีผลกระทบที่ทวีคูณสูงซึ่งจะนำไปสู่การเพิ่มสูงขึ้น การเติบโตและลดอัตราเงินเฟ้อ เขาระบุ“ในช่วงหลายปีที่ผ่านมานี้จีนทำได้ดีมาก” ขณะที่รัฐบาลก็ “สามารถควบคุมให้มีการฟื้นตัวได้อย่างแท้จริง”

เมื่อพิจารณาถึงความสำคัญของเศรษฐกิจจีนต่อส่วนอื่นๆ ของโลก นักเศรษฐศาสตร์ระดับหัวหน้ารายนี้ตั้งข้อสังเกตว่า จีนบริโภคทั้งสินค้าโภคภัณฑ์และสินค้าท่องเที่ยว ยกตัวอย่างเช่น สินค้าท่องเที่ยว สินค้าเหล่านี้เป็น “แหล่งรายได้หลัก” ของหลายประเทศ รวมถึงมาเลเซีย ไทย และอินโดนีเซีย ขณะนี้ยุโรปขึ้นอยู่กับการท่องเที่ยวของจีน และจีนมีบทบาทสำคัญอย่างมากในการท่องเที่ยวทั่วโลก   พร้อมเสริมว่าการเติบโตของการท่องเที่ยวต่างประเทศจะเป็นประโยชน์ต่อหลายประเทศที่พึ่งพาอุตสาหกรรมนี้

หากมองในภูมิภาคจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ จีนมี “ความสัมพันธ์ทางการค้าที่แข็งแกร่งมาก” กับเศรษฐกิจการผลิตอื่นๆ ในภูมิภาค ซึ่งเกาหลีใต้และญี่ปุ่นได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนเมื่อฟื้นตัวได้ดี เศรษฐกิจจีนจะอยู่ในวิถีที่ “ไม่เพียงแค่ฟื้นตัวเท่านั้น แต่ยังฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง” หากสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้

นอกจากนี้ เขายังระบุด้วยว่า “เรากำลังเผชิญกับช่วงเวลาที่ยากลำบากทางเศรษฐกิจ ซึ่งความร่วมมือระหว่างประเทศจะมีบทบาทสำคัญมากในการฟื้นฟูความเชื่อมั่นของทั่วโลก”