ความสัมพันธ์ระหว่างจีนและกัมพูชาเข้าสู่ยุคใหม่

(People's Daily Online)วันจันทร์ 13 กุมภาพันธ์ 2023


นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนพบกับสมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ที่เรือนรับรองเตี้ยวหยูไถในกรุงปักกิ่ง
เมืองหลวงของจีน วันที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2566 (ซินหัว/หวง จิงเหวิน)

ประธานาธิบดีสี จิ้นผิงและนายกรัฐมนตรีฮุน เซน ของกัมพูชาเห็นพ้องกันเมื่อวันศุกร์ที่จะสร้างกรอบความร่วมมือทุกด้านเพื่อตอกย้ำความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

ในการพบกันของสองผู้นำที่เรือนรับรองเตี้ยวหยูไถในกรุงปักกิ่ง หลังการเดินทางเยือนจีนครั้งสุดท้ายของสมเด็จฮุน เซนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2563 ซึ่งเป็นช่วงที่ชาวจีนกำลังต่อสู้กับโรคระบาดโควิด-19 ประธานาธิบดีสีกล่าวว่า “ข้าพเจ้ายินดีอย่างยิ่งที่ได้ร่วมงานกับท่านเพื่อบรรลุภารกิจสามปีของเราและเปิดศักราชใหม่ ในการสร้างชุมชนจีน-กัมพูชาที่มีอนาคตร่วมกันในต้นฤดูใบไม้ผลิ” ขณะที่นายกรัฐมนตรีกัมพูชากล่าวว่ารู้สึกดีใจที่ได้รับการต้อนรับในฐานะผู้นำต่างประเทศคนแรกที่เดินทางเยือนจีนหลังเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ

ในระหว่างการประชุม ผู้นำจีนได้แนะนำให้ทั้งสองฝ่ายกระชับการสื่อสารเชิงกลยุทธ์ให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น และเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ด้านธรรมาภิบาล จัดลำดับความสำคัญของการพัฒนาอุตสาหกรรม ส่งเสริมความร่วมมือด้านการเกษตร และดำเนินการตามปกติเพื่อร่วมกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ นอกจากนี้ ยังกล่าวด้วยว่า จีนจะสนับสนุนให้บริษัทจำนวนมากขึ้นไปลงทุนและประสบความสำเร็จในกัมพูชา เสนอความช่วยเหลือในการก่อสร้างเขตเศรษฐกิจพิเศษสีหนุวิลล์ ซึ่งเป็นโครงการสำคัญภายใต้โครงการหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง และสนับสนุนการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของประเทศ จีนจะให้ความสำคัญกับการกลับมาดำเนินการต่อและเพิ่มเที่ยวบินตรงระหว่างสองประเทศเพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว

สถิติจากกระทรวงพาณิชย์จีนแสดงให้เห็นว่าในปีที่แล้ว การค้าทวิภาคีสร้างสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 16,020 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้นร้อยละ 17.5 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า จีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของกัมพูชาเป็นเวลา 11 ปีติดต่อกัน

ประธานาธิบดีสีกล่าวว่า“จีนสนับสนุนกัมพูชาในการปกป้องอธิปไตยและความมั่นคงของชาติอย่างแน่วแน่ สนับสนุนกัมพูชาในการพัฒนาวาระสำคัญทางการเมืองภายในประเทศตลอดจนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างมั่นคง และต่อต้านกองกำลังภายนอกที่แทรกแซงกิจการภายในของกัมพูชาอย่างเด็ดเดี่ยว” ผู้นำทั้งสองยังได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นในประเด็นที่เป็นข้อกังวลร่วมกัน โดยตั้งข้อสังเกตว่าการพัฒนาไม่ใช่สิทธิของเพียงไม่กี่ประเทศ นายสีจิ้นผิงย้ำว่าการมีส่วนร่วมในการเผชิญหน้าทางอุดมการณ์ การเมืองและการแลกเปลี่ยนการค้าและเทคโนโลยีอาวุธ การแตกแยกกันอย่างหนักและการโดดเดี่ยวประเทศอื่น ๆ เป็นการกระทำของผู้มีอำนาจและไม่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชน สมเด็จฮุน เซน กล่าวว่า เขาอยากขยายความว่าชาวกัมพูชายืนหยัดเคียงข้างชาวจีนเสมอมา นอกจากนี้ ยังขอบคุณจีนที่สนับสนุนประเทศของเขาในการเลือกเส้นทางการพัฒนาด้วยตนเอง ต่อสู้กับโรคระบาด และจัดการกับปัญหาอื่นๆ

เมื่อวันศุกร์ที่10 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีหลี่ เค่อเฉียง ได้จัดพิธีต้อนรับสมเด็จฮุน เซน และคณะ พร้อมทั้งร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามข้อตกลงความร่วมมือหลายสิบฉบับ โดยล่าวว่าจีนจะยังคงให้ความช่วยเหลือตามกำลังความสามารถแก่กัมพูชา และเรียกร้องให้ทั้งสองประเทศสนับสนุนซึ่งกันและกันในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์หลักและข้อกังวลสำคัญของทั้งสองฝ่าย

นายกู้ เจียฮุย ผู้อำนวยการศูนย์กัมพูชาศึกษาแห่งมหาวิทยาลัยภาษาต่างประเทศปักกิ่งกล่าวว่า “การเยือนของสมเด็จฯ ฮุน เซน แสดงให้เห็นถึงความไว้วางใจกันทางการเมืองในระดับสูงของทั้งสองประเทศ และเจตจำนงที่เข้มแข็งในการรักษาการสื่อสารเชิงกลยุทธ์และความร่วมมือในทางปฏิบัติต่อไป” นายกู้ยังกล่าวด้วยว่าว่าความร่วมมือด้านการเกษตรระหว่างทั้งสองประเทศได้ช่วยส่งเสริมความทันสมัย การยกระดับเทคโนโลยี และการพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิตและการแปรรูปสินค้าเกษตรของกัมพูชา

นายหลี่ ไห่ตง ศาสตราจารย์แห่งสถาบันความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมหาวิทยาลัยการต่างประเทศจีน กล่าวว่า จีนและกัมพูชาได้พิสูจน์แล้วว่าภายใต้บริบทแห่งการร่วมมือกัน โดยมีการพัฒนาที่สัมพันธ์กันและมีความมั่นคง ทำให้ทุกประเทศมีการเชื่อมโยงกันอย่างใกล้ชิด โดยย้ำว่า“เมื่อเผชิญกับความพยายามของบางประเทศที่จะผลักดันให้จีนและประเทศในภูมิภาคอื่นๆ แตกแยกกัน จึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะต้องส่งเสริมการบูรณาการในภูมิภาคผ่านความร่วมมือในทางปฏิบัติและร่วมเป็นหนึ่งเดียวกันเพื่อต่อต้านการเผชิญหน้าดังกล่าวซึ่งชี้นำโดยแนวความคิดสงครามเย็น”

นายกิน เพีย ผู้อำนวยการสถาบันความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ราชบัณฑิตสภาแห่งกัมพูชากล่าวกับไชน่า เดลี่ว่าสายสัมพันธ์ที่พิเศษและไม่แตกหักระหว่างทั้งสองประเทศเป็น “แบบอย่างเฉพาะ” ของความสัมพันธ์ทวิภาคีที่เป็นแบบอย่างทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลก ในปีแห่งมิตรภาพกัมพูชา-จีนนี้ ความมุ่งมั่นและความพยายามอันยิ่งใหญ่ของผู้นำและประชาชนทั้งสองประเทศ สนับสนุนความรู้ร่วมกันในการสร้างชุมชนกัมพูชา-จีนที่มีอนาคตร่วมกันให้เป็นจริง

สีว์ ลี่ผิง ผู้อำนวยการศูนย์เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษาแห่งสถาบันสังคมศาสตร์จีน กรุงปักกิ่ง กล่าวกับไชน่า เรดิโอ อินเตอร์เนชั่นแนลว่า การเชื่อมโยงโครงสร้างพื้นฐานมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของทุกประเทศในอาเซียน “การปรับปรุงถนนและระบบรางของกัมพูชาจะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมการลงทุนที่ดีขึ้นสำหรับประเทศด้อยพัฒนาแห่งนี้อย่างไม่ต้องสงสัย และสร้างความมั่นใจให้กับผู้คนในการมีชีวิตที่ดีขึ้น”