จีนเอาจริงด้านนโยบาย เร่งกระตุ้นภาคธุรกิจแห่เยือน หวังตลาดจีนพุ่งทะยาน

ภาพถ่ายเมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2565 ทิวทัศน์ยามดึก ณ เขตลู่เจียจุ่ย มหานครเซี่ยงไฮ้
ทางตะวันออกของจีน มหกรรมแสดงสินค้านำเข้านานาชาติจีน ครั้งที่ 5（CIIE） จัดขึ้นเมื่อ
วันที่ 5-10 พฤศจิกายน (ภาพโดยหวาง เซียง/ซินหัว)

บริษัทนานาชาติติดตามตลาดจีนที่ฟื้นตัว โดยบางส่วนต่างรอคอยการมาเยือนจีนอย่างยาวนาน และบางส่วนยังคงติดตามความเคลื่อนไหวของนโยบายล่าสุด

นายโอลิเวอร์ บลูม ประธานคณะกรรมการบริหารของบริษัทโฟล์คสวาเกน เอจี กล่าวให้สัมภาษณ์กับซินหัวว่า ทริปการเดินทางเยือนจีนของเขาแสดงให้เห็นถึงสัญญาณที่ดี “จีนเป็นตลาดที่สำคัญที่สุดของเรา และเรายังคงเดินหน้าขยายสายการผลิตในประเทศจีนต่อไป”  หลังจากเทศกาลตรุษจีนเขาได้เดินทางไปเยี่ยมเมืองต่าง ๆ ในจีน ได้แก่ ปักกิ่ง ฉางชุน เซี่ยงไฮ้ และเหอเฟย เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดกับเพื่อนร่วมงานชาวจีน พูดคุยกับหุ้นส่วนทางธุรกิจและตัวแทนต่าง ๆ จากหน่วยงานรัฐบาลท้องถิ่น

นายโอลิเวอร์กล่าวเสริมว่า การเยี่ยมชมสถานที่และพูดคุยต่อหน้าสร้างความเข้าใจในตลาดจีนอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น เราคาดการณ์ว่าตลาดยานยนต์จีนจะยังคงฟื้นตัวได้ในปี 2566 และตลาดรถยนต์พลังงานใหม่ก็มีหนทางที่สดใส ทั้งนี้โฟล์คสวาเกนจะสร้างหุ้นส่วนทางเทคโนโลยีใหม่ ๆ ในตลาดจีน และไม่ใช่แค่บริษัทชั้นนำแนวหน้าระดับโลกแบบโฟล์คสวาเกน เอจี เท่านั้นที่เสาะหาความเข้าใจที่ตรงจุดในตลาดจีนเพื่อที่จะครองโอกาสทางการตลาด

ชู่ เจ๋ว์ถิง โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีนกล่าวในงานแถลงข่าว “หลังจากจีนยกเลิกมาตรการโควิด-19 บริษัทต่างชาติจำนวนมากต่างวิ่งหากระทรวงพาณิชย์เพื่อให้ช่วยจัดทริปเจรจาธุรกิจกับจีน

เพื่อตอบสนองความต้องการของบริษัทต่างชาติ กระทรวงฯ จะจัดการแลกเปลี่ยนกับบริษัทผู้ลงทุนชาวต่างชาติและสมาคมธุรกิจต่างประเทศอย่างเป็นประจำ และดำเนินการตามข้อปฏิบัติแห่งชาติต่อบริษัทที่ได้รับทุนจากต่างชาติอย่างเต็มที่

ในงานแถลงข่าวเรื่องธุรกิจต่างชาติในจีน เมื่อวันพุธที่ผ่านมา นายเชิ่ง ชิวผิง ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์จีน ได้เน้นย้ำว่า จีนยืนยันคำมั่นสัญญาที่จะเดินหน้าเปิดประเทศอย่างต่อเนื่อง และได้เปิดเผยสัญญาณเชิงบวกที่เผยแพร่ในรายงานการทำงานของรัฐบาลในปีนี้ รวมทั้ง เงื่อนไขที่เอื้ออำนวยต่อบริษัทต่างชาติในการขยายการลงทุนในจีนและขนาดตลาดที่เติบโตเพิ่มขึ้นสร้างแรงจูงใจมากยิ่งขึ้นต่อนโยบายเปิดประเทศและแรงขับเคลื่อนในการเติบโตใหม่ๆ

นายลีออน หวาง รองประธานกรรมการบริหารแห่งบริษัทแอสตราเซนเนก้า แสดงความสนใจต่อนโยบายสิ่งแวดล้อมของจีน และโดยเฉพาะรายงานการทำงานของรัฐบาล จีนได้ให้คำมั่นสัญญาใหม่เพื่อสร้างความพยายามในการดึงดูดและใช้ประโยชน์จากนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งได้ถูกรายงานในการทำงานของรัฐบาลในปีนี้ เราคิดว่าการเปิดประเทศของจีนจะดำเนินต่อไปและมีการสร้างสิ่งแวดล้อมทางธุรกิจที่ดีขึ้น นายหวางกล่าว “ในฐานะที่เป็นตลาดยาที่ใหญ่ที่สุดในโลก จีนเป็นเครื่องยนต์สร้างความเติบโตที่สำคัญที่สุดของแอสตร้าเซนเนก้า”

ในปี 2566 แอสตร้าเซนเนก้าจะเร่งการวิจัยและพัฒนาในจีน โดยผ่านสำนักงานท้องถิ่นในกรุงปักกิ่ง เมืองกว่างโจว เมืองอู๋ซี เมืองหางโจว เมืองเฉิงตูและเมืองชิงต่าวเพื่อส่งเสริมการรวมอุตสาหกรรมทั้งหมด บริษัทยังคงรอคอยการประชุมฟอรัมเอเชีย โป๋อ่าว (Boao Forum for Asia) เพื่อการพัฒนาของภูมิภาคเอเชียและจีนในปลายเดือนมีนาคมนี้ และจะจัดกิจกรรมภายใต้ธีม “วันวิทยาศาสตร์จีน แอสตร้าเซนเนก้า วิจัยและพัฒนา” ในเซี่ยงไฮ้

การสำรวจที่ผ่านมาโดยสมาคมการค้าแห่งสหรัฐอเมริกาในตอนใต้ของจีนได้ชี้ว่า มีแนวคิดที่ดีต่อการเติบโตของจีน โดยมากกว่า 90% ของบริษัทที่ได้รับการสำรวจกล่าวว่า จีนยังคงเป็นแหล่งลงทุนที่สำคัญที่สุดแหล่งหนึ่งของพวกเขา และ 75% ของสมาชิกสมาคมกำลังวางแผนกลับมาลงทุนในจีนในปีนี้

ข้อมูลทางการจากกระทรวงพาณิชย์ชี้ให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของการลงทุน ในสองเดือนแรกของปี 2566 การลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในจีนแผ่นดินใหญ่ขยายถึง 6.1% โดยมีมูลค่า 268.44 พันล้านหยวน หรือ (39.71 พันล้านเหรียญสหรัฐ ) เปรียบเทียบ ณ เวลาเดียวกันจากปีที่ผ่านมา

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้เพิ่มการคาดการณ์การเจริญเติบโตของเศรษฐกิจจีนในปี 2566 อยู่ที่ 5.2% สถาบันการเงินมอร์แกนแสตนเลย์ โกลด์แมนแซค และธนาคารเพื่อการลงทุนรายอื่น ๆ ได้ปรับการคาดการณ์โดยมีตัวเลขที่สูงขึ้น

นายจาง หมิง รองผู้อำนวยการสถาบันการเงินภายใต้สถาบันสังคมศาสตร์จีนได้กล่าวว่า ด้วยผลของการผนึกรวมกันของนโยบายต่าง ๆ คาดหวังว่าเศรษฐกิจจีนจะพุ่งทะยานอีกครั้งและกลายเป็นหัวรถจักรที่สำคัญของการเติบโตของเศรษฐกิจโลก

นายลีออน หวางกล่าว เป้าหมายของการเติบโตอย่างเป็นทางการในปีนี้อยู่ราว ๆ 5% ซึ่งเป็นข้อเสนอที่แข็งแกร่งของจีนในการมุ่งมั่นที่จะสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ  “เราได้เห็นมติของประเทศในการเพิ่มประสิทธิภาพและปฏิรูปเชิงลึกในภาคบริการ ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า”