ไอเอ็มเอฟคาดปีนี้เศรษฐกิจจีนจะเติบโต 5.2% ซึ่งเป็น“ปัจจัยสำคัญ”ต่อการเติบโตของทั่วโลก

(People's Daily Online)วันศุกร์ 14 เมษายน 2023


คนเดินผ่านสำนักงานใหญ่กองทุนการเงินระหว่างประเทศในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 10
เมษายน 2566 (ซินหัว/หลิว จี้)

นายปิแอร์-โอลิเวียร์ กูรินชา เจ้าหน้าที่ไอเอ็มเอฟกล่าวว่า ด้วยขนาดของเศรษฐกิจจีน ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเติบโตของเศรษฐกิจทั่วโลกในปีหน้า และเสริมว่านี่เป็นหนึ่งในข่าวดีสำหรับปีนี้ว่าเศรษฐกิจจีนกำลังกลับมาเติบโตใหม่อย่างรวดเร็วด้วยแรงดีดที่แข็งแกร่ง

สำนักข่าวซินหัวรายงานจากกรุงวอชิงตันเมื่อวันที่ 11 เมษายน ว่าในวันเดียวกันนั้น กองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ คาดการณ์ว่าในปีนี้เศรษฐกิจจีนจะเติบโต 5.2% และ 4.5% ในปีหน้า

นายปิแอร์-โอลิวิเยร์ กูรินชาส ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยไอเอ็มเอฟ กล่าวในการแถลงข่าวเมื่อวันอังคารเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจโลกล่าสุดว่า สำหรับจีนในปีนี้เรากำลังคาดการณ์ว่าการเติบโตจะอยู่ที่ 5.2 % ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 3% ของปีที่แล้ว เมื่อพิจารณาจากขนาดของเศรษฐกิจจีน ซึ่งจะเป็นปัจจัยสำคัญต่อการเติบโตของโลกในปีหน้า และเสริมว่านี่คือ “ข่าว (ชิ้นหนึ่ง) ที่ยอดเยี่ยมสำหรับปีนี้” ที่เศรษฐกิจจีนกำลังกลับมาเติบโตใหม่อย่างรวดเร็วด้วยแรงดีดที่แข็งแกร่ง

ไอเอ็มเอฟระบุในรายงานแนวโน้มเศรษฐกิจโลกล่าสุดว่าในจีนเมื่อโควิด-19 ซาลงในเดือนมกราคมปีนี้ ทุกสิ่งอบ่างกลับสู่ภาวะปกติ และตัวชี้วัดทางเศรษฐกิจมีความถี่สูง เช่น ยอดค้าปลีกและการจองการเดินทาง เริ่มดีขึ้น การกลับมาเปิดดำเนินการใหม่และการเติบโตของเศรษฐกิจมีแนวโน้มที่จะทำให้เกิดการเติบโตเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะประเทศที่มีความเชื่อมโยงทางการค้าที่แข็งแกร่งและพึ่งพาการท่องเที่ยวจากจีน

ตามการคาดการณ์ของไอเอ็มเอฟปีนี้เศรษฐกิจโลกจะเติบโต 2.8% ซึ่งต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้เมื่อเดือนมกราคม 0.1 จุด ไอเอ็มเอฟระบุการที่เศรษฐกิจโลกกลับมาเติบโตหลังจากที่เกิดภาวะชะงักงันในปีที่แล้ว และความวุ่นวายในภาคการเงินเมื่อเร็วๆ นี้นั้น ทำให้เกิดความยากลำบากมากขึ้น


หุ่นยนต์อุตสาหกรรมทำงานที่ศูนย์วิเคราะห์และทดสอบของบริษัท คอนฟุ้ง แมททีเรียล อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
(Konfoong Materials International Co., Ltd.) ในเมืองหนิงโป มณฑลเจ้อเจียง ทางตะวันออกของจีน
ภาพถ่ายเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2566 (ซินหัว/เวง ซินหยาง)

ไอเอ็มเอฟระบุปีที่แล้วการเติบโตทั่วโลกคาดว่าจะอยู่ที่ 3.4% และจะลดลงเหลือ 2.8% ในปี นี้ ก่อนที่จะเพิ่มขึ้นเป็น 3% ในปีหน้า ในปีนี้การเติบโตของเศรษฐกิจขั้นสูงจะลดลงครึ่งหนึ่ง เหลือร้อยละ 1.3 ก่อนที่จะเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 1.4 ในปีหน้า นอกจากนี้ คาดว่าประมาณร้อยละ 90 ของประเทศพัฒนาจะมีการเติบโตลดลงในปีนี้ ด้วยการชะลอตัวอย่างรวดเร็ว คาดว่าประเทศพัฒนาจะมีการว่างงานสูงขึ้น โดยเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 0.5% ระหว่างปี 2565 ถึงปี 2567 อย่างไรก็ตาม นายเดวิส มัลพาส ประธานกลุ่มธนาคารโลกกล่าวในการแถลงกับสื่อมวลชนผ่านระบบการประชุมทางไกลก่อนการประชุมกองทุนการเงินระหว่างประเทศและธนาคารโลกในสัปดาห์ฤดูใบไม้ผลิ ว่าการคาดการชะลอตัวนี้ ยกเว้นประเทศจีนกับอินเดียที่เศรษฐกิจจะไม่เผชิญกับการชะลอตัว

ด้านนางคริสตาลิน่า จอร์เจียวา กรรมการผู้จัดการกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือไอเอ็มเอฟกล่าวในงานล่าสุดที่กรุงวอชิงตัน ดี.ซี.ว่าคาดว่าอินเดียกับจีนจะมีสัดส่วนครึ่งหนึ่งของการเติบโตทั่วโลกในปีนี้ แต่ส่วนอื่น ๆ ต้องเผชิญกับการเติบโตที่สูงชันกว่านี้