สร้างประเทศจีนที่สวยงาม

(People's Daily Online)วันอังคาร 25 เมษายน 2023


ภาพถ่ายทางอากาศถ่ายเมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 แสดงให้เห็นโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่
นครเทียนจิน ภาคเหนือของจีน (ซินหัว/ซุน ฟานเย่ว์)

สำนักข่าวซินหัวรายงานจากกรุงปักกิ่งเมื่อวันที่ 22 เมษายน 2566 ว่า ครั้งหนึ่งประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เคยกล่าวไว้ว่า “ท้องฟ้าสีคราม ผืนดินสีเขียว และผืนน้ำใสสะอาด” เพื่ออธิบายความกลมกลืนของธรรมชาติกับมนุษย์ในการสร้างความทันสมัยของจีน คำกล่าวของท่านมีความเกี่ยวข้องอย่างมากกับวันที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2566 ซึ่งเป็นวันคุ้มครองโลก ปีที่ 54

ภายใต้การนำของนายสี จิ้นผิง เลขาธิการคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีน และประธานคณะกรรมาธิการการทหารส่วนกลาง ตลอดทศวรรษที่ผ่านมา จีนได้ดำเนินการบนความเชื่อที่ว่าน้ำใสสะอาดและภูเขาเขียวขจีเป็นทรัพย์สินอันประเมินค่ามิได้ การเปลี่ยนผ่านที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างครอบคลุมทุกด้าของการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม และพยายามทำให้เกิดภาพลักษณืที่กลมกลืนกันอย่างมีชีวิตชีวาตามคำกล่าวของนายสี จินผิง

คืนท้องฟ้าสีคราม

อากาศบริสุทธิ์เคยเป็น “ความหรูหรา” สำหรับผู้อยู่อาศัยในฤดูหนาวทางตอนเหนือของจีนที่มีหมอกควันปกคลุม

นายสี จิ้นผิง กล่าวระหว่างการตรวจเยี่ยมกรุงปักกิ่งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2557 ว่าสิ่งสำคัญที่สุดในการแก้ปัญหาหมอกควันมลพิษและปรับปรุงคุณภาพอากาศคือการควบคุมมลพิษ พีเอ็ม 2.5 ในการหารือกับสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติจากมณฑลกุ้ยโจวทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ในเดือนต่อมา นายสีกล่าวว่าคุณภาพอากาศมีความสำคัญต่อความสุขของประชาชน

เพื่อให้ท้องฟ้าสีครามกลับคืนมา จีนได้เผยแพร่แผนปฏิบัติการเพื่อควบคุมมลพิษทางอากาศ และกำหนดให้มีการรายงานการป้องกันและควบคุมมลพิษทางอากาศในการประชุมสมัชชาพรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 19

ในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา จีนได้พัฒนาฐานการผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินสะอาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก และสร้างกำลังการผลิตพลังงานลมและพลังงานแสงอาทิตย์ที่ติดตั้งสูงที่สุดในโลก บริษัทได้ผลิตรถยนต์พลังงานใหม่มากที่สุดในโลกเป็นเวลาแปดปีติดต่อกัน

วันนี้อากาศบริสุทธิ์ไม่ใช่เรื่องหรูหราอีกต่อไป ในจีนจากปี พ.ศ. 2556-2565 ความหนาแน่นของพีเอ็ม 2.5 ลดลง 57 เปอร์เซ็นต์ และการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ต่อหน่วยของจีดีพีลดลง 34.4 เปอร์เซ็นต์ จำนวนวันที่มีมลพิษทางอากาศร้ายแรงประจำปีของประเทศลดลงอย่างรวดเร็วถึง 92 เปอร์เซ็นต์

ประเทศจีนที่เขียวขจี

ประธานาธิบดีสีกล่าวว่าการปลูกต้นไม้เป็นกิจกรรมอันสูงส่งที่จะเป็นประโยชน์ต่อคนรุ่นหลัง และจากคำกล่าวดังกล่าวได้นำไปสู่การปฏิบัติ โดยได้เข้าร่วมกิจกรรมปลูกต้นไม้ประจำปี 11 ครั้งในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนและได้ไปตรวจเยี่ยมพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากทรายเสียหายอย่างรุนแรงหลายครั้ง รวมถึงเขตปกครองตนเองหุยหนิงเซี่ย มณฑลกานซู่ และเหอเป่ย

ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2562 นายสี จิ้นผิงได้มอบเหรียญรางวัลระดับชาติและตำแหน่ง “ประชาชนต้นแบบ” ให้กับนายหวัง โหย่วเต๋อ สำหรับความพยายามของเขาในการปลูกป่าและควบคุมทราย ก่อนวันครบรอบ 70 ปีการสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน

ระหว่างการตรวจเยี่ยมเขตปกครองตนเองหุยหนิงเซี่ยภาคตะวันตกเฉียงเหนือของจีนในเดือนเมษายน พ.ศ. 2551 นายสีซึ่งขณะนั้นเป็นรองประธานาธิบดีจีน ได้ปลูกต้นไม้ร่วมกับนายหวัง นายสีจับมือนายหวังแน่นและบอกกับเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าในท้องถิ่นว่าพวกเขามีส่วนร่วมใน “ภารกิจที่ธรรมดาแต่ยิ่งใหญ่”

การปลูกต้นไม้กลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของชาวจีน หลังจากปลูกป่ามาหลายทศวรรษ จีนได้สร้างพื้นที่ป่าปลูกที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีอัตราพื้นที่ป่าเพิ่มขึ้นกว่าสองเท่าจากร้อยละ 12 ในช่วงต้นทศวรรษ 1980 เป็นร้อยละ 24.02 ในปีที่แล้ว ข้อมูลจากดาวเทียมขององค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐอเมริกา (The National Aeronautics and Space Administration หรือ NASA) แสดงให้เห็นว่าอย่างน้อยร้อยละ 25 ของการขยายตัวของแมกไม้ทั่วโลกนับตั้งแต่ต้นทศวรรษ 2000 เกิดขึ้นในประเทศจีน

ทำให้น้ำใส

ระลอกคลื่นสีฟ้า ต้นไม้เขียวขจี และนกที่บินไปมา ทำให้ฤดูร้อนเป็นฤดูที่น่ารื่นรมย์ที่สุดของพื้นที่ชุ่มน้ำซีสี่เมืองหางโจว เมืองเอกของมณฑลเจ้อเจียง ทางตะวันออกของจีน น้อยคนนักที่จะจินตนาการได้ว่าเมื่อ 20 ปีที่แล้ว แม่น้ำที่นี่เต็มไปด้วยขยะ และชาวบ้านจำนวนมากเลือกที่จะย้ายออกไป จุดเปลี่ยนเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2546 เมื่อมีการเปิดตัวโครงการอนุรักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำโดยได้รับการสนับสนุนจากนายสี จิ้นผิง ซึ่งขณะนั้นเป็นเลขาธิการคณะกรรมการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำมณฑลเจ้อเจียง การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ได้เกิดขึ้น และพื้นที่ชุ่มน้ำแห่งนี้ยังได้กลายเป็นอุทยานพื้นที่ชุ่มน้ำแห่งชาติแห่งแรกของจีนอีกด้วย

ในระหว่างการตรวจเยี่มที่นี่ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2563 นายสี จิ้นผิงขอให้ให้ความสำคัญสูงสุดกับการพิทักษ์พื้นที่ชุ่มน้ำ และพยายามอย่างเต็มที่เพื่อรักษาระบบนิเวศน์และสภาพแวดล้อมของน้ำในพื้นที่ชุ่มน้ำ การเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ชุ่มน้ำทำให้เห็นความพยายามของจีนที่นำโดยประธานาธิบดีสี ในการต่อสู้กับมลพิษทางน้ำ ฟื้นฟูความสมบูรณ์ของระบบนิเวศ และส่งเสริมการเติบโตอย่างยั่งยืน ได้ดำเนินการตรวจสอบอย่างกว้างขวางและเป็นหัวหอกในการริเริ่มการพัฒนาสีเขียวตามแนวแม่น้ำแยงซีที่ยาวที่สุดของจีน และไปตรวจเยี่ยมทั้งเก้ามณฑฑลและเขตปกครองตนเองตามแนวแม่น้ำฮวงโหหรือแม่น้ำเหลือง ซึ่งยาวเป็นอันดับสองของจีน

แนวคิดที่ว่า “น้ำใสและภูเขาเขียวขจีเป็นทรัพย์สินอันประเมินค่ามิได้” เสนอโดยสี และได้กลายเป็นหลักการชี้นำในการแสวงหาการพัฒนาสีเขียวของจีน

เจ้าหน้าที่มากกว่า 1.2 ล้านคนทำหน้าที่เป็นหัวหน้าในการกำกับดูแลแม่น้ำและทะเลสาบทั่วประเทศ มีการห้ามจับปลาเป็นเวลา 10 ปีในน่านน้ำที่สำคัญของแม่น้ำแยงซีเพื่อคุ้มครองความหลากหลายทางชีวภาพของน้ำ การพัฒนาสีเขียวภายในเขตเศรษฐกิจแม่น้ำแยงซีมีความก้าวหน้าอย่างมาก

ด้วยความพยายามร่วมกันเหล่านี้ แม่น้ำและทะเลสาบในจีนจึงได้รับการพิทักษ์ที่ดีขึ้น และได้เห็นคุณภาพน้ำที่ดีขึ้น น้ำผิวดินคุณภาพดีคิดเป็นร้อยละ 87.9 ของน้ำผิวดินทั้งหมดของประเทศในปีที่แล้ว เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ร้อยละ 67.9