ฟิลิปปินส์เรียกร้องให้สนับสนุน RCEP ผลักดันธุรกิจภาคบริการ

(People's Daily Online)วันศุกร์ 28 เมษายน 2023


นักวิเคราะห์หารือเกี่ยวกับผลกระทบของ RCEP ต่อภาคบริการในฟอรั่มออนไลน์ จัดโดยสถาบันการศึกษาเพื่อ
การพัฒนาของฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 27 เมษายน (ภาพจากสกรีนช็อต/chinadaily.com.cn)

ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership หรือ RCEP) ได้เปิดโอกาสหลายด้านให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวของฟิลิปปินส์ เนื่องจากทักษะทางภาษาและความสามารถในการปรับตัวทางวัฒนธรรมของแรงงานด้านนี้จะเป็นปัจจัยหลักดึงดูดนักท่องเที่ยวจากประเทศสมาชิกเดินทางมาเยือน ฟอรั่มออนไลน์จัดขึ้นเมื่อวันที่ 27 เมษายน

อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญให้หมายเหตุว่า โอกาสดังกล่าวจะสำเร็จได้หากฟิลิปปินส์มีการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและทรัพยากรมนุษย์มากขึ้น

ฟิลิปปินส์มีศักยภาพในการดึงดูดนักเดินทางเพื่อธุรกิจมากยิ่งขึ้น ซึ่งจะช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและกระตุ้นการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนมากขึ้น ข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญเข้าร่วมฟอรั่มออนไลน์ที่จัดโดยสถาบันศึกษาการพัฒนาแห่งฟิลิปปินส์ (the Philippine Institute for Development Studies หรือ PIDS) ในกรุงมะนิลา

RCEP ซึ่งเพิ่งมีผลบังคับใช้ในฟิลิปปินส์เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา หลังจากมีการให้สัตยาบัน นับเป็นข้อตกลงการค้าเสรีที่ใหญ่ที่สุดในโลก ผู้ลงนามประกอบด้วยสมาชิก 10 ราย จากอาเซียน ได้แก่ บรูไน กัมพูชา อินโดนีเซีย ลาว มาเลเซีย เมียนมาร์ ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม ร่วมกับจีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ จำนวนประชากรในประเทศสมาชิก RCEP คิดเป็นประมาณ 1 ใน 3 ของประชากรโลก และมีมูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GDP) รวมกันมากกว่าร้อยละ 30 ของ GDP โลก

RCEP มอบโอกาสที่ไม่สิ้นสุดให้แก่ประเทศในขณะที่ความรู้และเศรษฐกิจแบบสร้างสรรค์กำลังเติบโต ข้อมูลจาก Allan Gepty ผู้ช่วยเลขาธิการกรมอุตสาหกรรมและการค้าฟิลิปปินส์

Gepty ยังชี้ว่า ภาคบริการซึ่งรวมถึงอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและการเดินทาง มีสัดส่วนนับเป็นร้อยละ 60 ของ GDP ฟิลิปปินส์ ทรัพยากรยิ่งใหญ่ที่สำคัญของฟิลิปปินส์คือประชาชน ไม่ใช่แค่เพราะพวกเขาอยู่ในวัยเยาว์และมีพละกำลัง แต่เป็นเพราะความสามารถที่หลากหลาย ความเป็นมืออาชีพ และความสามารถในการปรับตัวทางวัฒนธรรม ภาครัฐจำเป็นต้องกำหนดและดำเนินนโยบายในการพัฒนาความสามารถของพลเมือง อีกทั้ง อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการเดินทางเป็นเรื่องที่สำคัญมาก เนื่องจากการท่องเที่ยวทำให้เกิดการค้า ถ้าต้องการโปรโมทสินค้าและบริการก็ต้องเริ่มจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว

มาเรีย เชอรี่ ลิน โรดอลโฟ ผู้นำบริษัท Safe Travel Alliance กล่าวว่า “ฟิลิปปินส์ยังไม่ได้รองรับการเดินทางภายในภูมิภาคอาเซียนจำนวนมาก ท่ามกลางประเทศสมาชิกอาเซียน จำนวนนักท่องเที่ยวเข้าฟิลิปปินส์มากที่สุดมาจาก จีน ญี่ปุ่น ออสเตรเลียและเกาหลีใต้เท่านั้น   ส่วนแบ่งจำนวนนักท่องเที่ยวอาเซียนที่เดินทางมาฟิลิปปินส์ยังไม่เกิน 10 เปอร์เซ็นต์ และยังมีช่องว่างที่สำคัญสำหรับการขยายตัว” โรดอลโฟกล่าวและเรียกร้องให้มีการส่งเสริมธุรกิจและการท่องเที่ยวเพื่อการพักผ่อน

ทั้งนี้ RCEP ยังเป็นแพลทฟอร์มกว้างที่ให้โอกาสในการแลกเปลี่ยนเพื่อสร้างกลุ่มคณะทำงานทางเทคนิค ซึ่งการท่องเที่ยวนับเป็นส่วนหนึ่งของวาระสำคัญ และควรมีการจัดกิจกรรมส่งเสริมการลงทุนและพัฒนาการค้าด้านการเดินทาง ซึ่งจะช่วยพลักดันนักลงทุนและนักธุรกิจจำนวนมากขึ้นมายังพื้นที่ต่าง ๆ ในฟิลิปปินส์

จอห์น เปาโล ริเวรา รองผู้อำนวยการของศูนย์การท่องเที่ยว Dr. Andrew L. Tan แห่ง Asian Institute of Management กล่าวว่า “การเปิดเสรีทางภาคบริการที่ได้ระบุในสัตยาบันของ RCEP ไม่ควรส่งผลคุกคามต่อผู้ประกอบการท่องเที่ยวภายในประเทศ ตั้งแต่ยังไม่มี RCEP ฟิลิปปินส์ก็มีความจำเป็นในการอัปเกรดทักษะแรงงานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวของตน การฝึกอบรมต้องใช้เวลา และต้องมีการอบรมอย่างเข้มข้นมากขึ้นเพื่อให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยวสามารถแข่งขันกับประเทศต่างชาติได้”

Tereso Tullao Jr. ศาสตราจารย์ทางด้านเศรษฐศาสตร์แห่งมหาวิทยาลัยเดอ ลา ซาล กล่าวว่า “ในการเสริมสร้างความแข็งแกร่งในด้านการบริการอย่างมืออาชีพ ความสามารถของชาวฟิลิปปินส์ในด้านมืออาชีพสามารถแข่งขันกับมืออาชีพในประเทศสมาชิกอาเซียนได้”

เขาอ้างถึงข้อตกลงการยอมรับร่วมกันของฟิลิปปินส์กับประเทศสมาชิกอาเซียนในด้านการศึกษาและการฝึกอบรม การประเมิน การตรวจสอบ การรับรอง การออกประกาศนียบัตรและใบอนุญาต