บทสัมภาษณ์: ผู้อำนวยการบริหารศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและสังคมของสมาคมหอการค้าและอุตสาหกรรมจีนแห่งมาเลเซีย

(People's Daily Online)วันจันทร์ 17 กรกฎาคม 2023

นายหลี่ ซิงยี่ว์ ผู้อำนวยการบริหารศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและสังคมของสมาคมหอการค้าและอุตสาหกรรมจีนแห่งมาเลเซีย (ACCCIM) กล่าวในการให้สัมภาษณ์พิเศษกับสำนักข่าวซินหัวว่า “ท่ามกลางการเผชิญกับปัจจัยที่ไม่เอื้ออำนวย เช่น การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ลัทธิปกป้องที่เพิ่มสูงขึ้น การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และวิกฤตอาหารโลก จีนยังคงยืนกรานที่จะส่งเสริมความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศ รวมทั้งการเปิดประเทศในระดับสูง ซึ่งจะช่วยให้อาเซียนรับมือกับความท้าทายระดับโลกได้ดีและส่งเสริมการพัฒนาเศรษฐกิจ”

เมื่อพูดถึงความท้าทายทางเศรษฐกิจระดับโลกในปัจจุบันนี้ นายหลี่ ซิงยี่ว์ กล่าวว่า “แรงกดดันด้านเงินเฟ้อในสหรัฐฯ อาจทำให้อัตราดอกเบี้ยของสหรัฐฯ อยู่ในระดับสูงเป็นเวลานาน ซึ่งจะส่งผลลบต่อการไหลเวียนของเงินทุนและนโยบายการเงินในตลาดเกิดใหม่ ในขณะเดียวกัน การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ วิกฤตอาหารและปัจจัยอื่น ๆ ก็สามารถสร้างความท้าทายต่อเศรษฐกิจโลกได้เช่นกัน”

นายหลี่ ซิงยี่ว์ ชี้ให้เห็นว่า ท่ามกลางสถานการณ์อันซับซ้อนนี้ จีนได้แสดงให้โลกเห็นถึงความสำเร็จของการปฏิรูปและการเปิดประเทศที่ยาวนานกว่า 40 ปี ผ่านสถานะเป็นประเทศผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดและเป็นตลาดผู้บริโภคที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก หวังว่าจีนจะยังคงขยายการเปิดประเทศให้กว้างขึ้น ร่วมแบ่งปันความมั่งคั่งกับประเทศอื่น ๆ ช่วยให้เศรษฐกิจของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และโลกฟื้นตัวอย่างมั่นคง

นายหลี่ ซิงยี่ว์ แสดงความเห็นว่า “ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จีนและอาเซียนได้ร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดผ่านข้อตกลงการค้าพหุภาคีหลายด้าน จีนยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำในด้านเทคโนโลยีสีเขียวและการพัฒนาที่ยั่งยืน ทั้งนี้ คาดว่าในอนาคต อาเซียนและจีนจะสามารถดำเนินความร่วมมือในสาขาต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดยิ่งขึ้น ยกตัวอย่างเช่น จีนสามารถเสริมสร้างความร่วมมือทางเทคโนโลยีในด้านพลังงานหมุนเวียนกับประเทศมาเลเซีย”

นายหลี่ ซิงยี่ว์ กล่าวว่า “กลุ่มประเทศอาเซียนอุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ และจีนยังสามารถให้การสนับสนุนทางเทคโนโลยีขั้นสูงที่เกี่ยวข้อง เช่น เทคโนโลยีการเกษตรอัจฉริยะ นอกเหนือจากด้านการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานแล้ว กลุ่มประเทศอาเซียนมีความคาดหวังสูงที่จะกระชับความร่วมมือกับจีนในด้านเทคโนโลยี”

เมื่อพูดถึง “ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค” (RCEP) นายหลี่ ซิงยี่ว์ ให้ข้อคิดเห็นว่า ข้อตกลงดังกล่าวมีกรอบการทำงานเพื่อส่งเสริมกระบวนการบูรณาการระดับภูมิภาคให้ดีขึ้น และทุกฝ่ายควรใช้ประโยชน์จากแพลตฟอร์มนี้อย่างเต็มที่

นายหลี่ ซิงยี่ว์เน้นย้ำว่า “RCEP มีส่วนสำคัญในการช่วยขยายการส่งออกสินค้าและบริการอย่างเห็นได้ชัด รวมทั้งช่วยกระตุ้นการลงทุนให้มากยิ่งขึ้น สิ่งสำคัญในการส่งเสริมการค้า การลงทุน และการเติบโตทางเศรษฐกิจคือการมุ่งเน้นปรับปรุงพลังในการผลิต และการยกระดับความร่วมมือระหว่างอาเซียนและจีนอย่างต่อเนื่อง” และได้เสริมว่า “จีนเป็นผู้สนับสนุนอย่างแข็งขันในการเปิดประเทศ และเราเชื่อมั่นในระบบเศรษฐกิจแบบเปิด”