บทสัมภาษณ์นักการทูตประจำกรุงปักกิ่ง: มาตรการฟรีวีซ่าไทย-จีนและเรื่องสำคัญที่ต้องเตรียมตัวก่อนเดินทาง

(People's Daily Online)วันอังคาร 02 เมษายน 2024

ในวันที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา ไทยและจีนได้เริ่มดำเนินมาตรการฟรีวีซ่าระหว่างกัน จนถึงวันที่ 1 เมษายน ครบรอบ 1 เดือนในการฟรีวีซ่าระหว่างกัน พีเพิลส์ เดลี่ ออนไลน์ ไทยได้มีโอกาสสัมภาษณ์นายสิทธิกร ฉันทแดนสุวรรณ อัครราชทูตที่ปรึกษา สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงปักกิ่ง ในเรื่องวัตถุประสงค์และรายละเอียดของการออกมาตรการฟรีวีซ่า และสิ่งที่ประชาชนควรต้องเตรียมตัวก่อนการเดินทางท่องเที่ยว

นายสิทธิกรกล่าวถึงวัตถุประสงค์ของมาตรการดังกล่าวว่า ทางรัฐบาลไทยได้เริ่มเจรจาให้มีความตกลงการยกเว้นวีซ่ากับจีนตั้งแต่ปลายเดือนกันยายนปีที่ผ่านมา เพื่อให้ผู้ถือหนังสือเดินทางไทยสามารถเดินทางมาจีนได้สะดวก และเพื่อเป็นการยกระดับหนังสือเดินทางไทยให้สามารถเดินทางไปประเทศต่าง ๆ ทั่วโลกได้โดยปลอดวีซ่ามากขึ้น ซึ่งปัจจุบันครอบคลุมทุกประเทศในอาเซียน ญี่ปุ่น จีน และประเทศอื่น ๆ โดยมาตรการเปิดฟรีวีซ่าถาวรให้คนจีนเข้าไทยดังกล่าว เริ่มมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม ปีนี้ เพื่อต้องการกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยรัฐบาลมีเป้าหมายต้องการเพิ่มเป้าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเข้าไทยจากที่ในปี 2562 ที่เคยมี 11 ล้านคน/ครั้งให้กลับมามากที่สุดเท่าที่จะมากได้ในปีนี้ หลังจากที่จีนมีการเปิดประเทศให้มีการเดินทางอย่างเป็นเสรีได้

มาตรการเปิดฟรีวีซ่าถาวรไทย-จีน มีบทบาทต่อการแลกเปลี่ยนและเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีนอย่างไรบ้าง?

อัครราชทูตที่ปรึกษากล่าวว่า ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีนมีมายาวนานแล้ว ความสัมพันธ์ที่เป็นหลักระหว่างทั้งสองประเทศคือความสัมพันธ์ระหว่างประชาชนต่อประชาชน ความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างรัฐบาลกับรัฐบาลก็มีการสถาปนามาจะครบรอบ 50 ปี ในปี 2568 แต่แน่นอนว่า เรามีความสัมพันธ์ในระดับประชาชนอย่างลึกซึ้งและยาวนานหลายร้อยปี ซึ่งการที่เราสามารถเดินทางไปมาหาสู่กันโดยไม่ต้องขอวีซ่า ใช้แค่หนังสือเดินทางก็เดินทางได้ตลอดเวลา เป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์ในระดับประชาชนซึ่งเป็นความสัมพันธ์หลักของความสัมพันธ์ระหว่างไทยและจีน

คนไทยควรรู้ข้อมูลอะไรก่อนการเดินทางมาเที่ยวที่จีนบ้าง สิ่งที่ควรเตรียมตัว และสิ่งที่ควรปฏิบัติเมื่อมาถึงจีน

อัครราชทูตที่ปรึกษาได้ให้ข้อมูลแนะนำใน 3 ประเด็นที่สำคัญ ดังนี้

ประเด็นที่หนึ่งคือ “สังคมไร้เงินสดในจีน” ปัจจุบัน จีนเป็นสังคมที่แทบจะไม่ใช้เงินสดแล้ว ดังนั้น ควรเตรียมการเรื่องการจับจ่ายใช้สอยเมื่อมาถึงจีนควรจะเตรียมให้เรียบร้อยก่อนเดินทางออกจากไทย ควรต้องศึกษาว่าจะต้องดาวน์โหลดแอปพลิเคชันอะไรบ้าง รวมถึงการผูกลิงค์ต่าง ๆ การจ่ายเงินระหว่างบัญชีของท่าน หรือ จากกระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ของท่านในเมืองไทยกับแอปพลิเคชันของจีนที่สามารถใช้จ่ายในจีน ซึ่งเรื่องเหล่านี้ควรดำเนินการให้เรียบร้อยก่อนเดินทางมาจีน และต้องเตรียมเงินสดมาบ้างในบางกรณีที่แอปของท่านไม่สามารถใช้จ่ายได้ เพราะคงไม่สามารถใช้ได้ในทุกรูปแบบ ทุกกรณี เช่น การแสกนคิวอาร์โค้ดของทางร้านจีนเพื่อชำระเงินก็อาจจะมีข้อขัดข้อง การซื้อตั๋วรถไฟในจีนแนะนำให้ซื้อจากในไทยมาก่อน เพราะหากมาซื้อที่หน้าสถานีรถไฟในจีนอย่างกระชั้น ตั๋วรถไฟอาจจะหมดได้

ประเด็นที่สองคือ “ที่พักในจีน” แบ่งได้เป็นสองประเภท คือ การพักอาศัยในโรงแรม ท่านควรตรวจสอบก่อนว่าโรงแรมที่จองนั้นสามารถรับคนต่างชาติเข้ามาพักได้หรือไม่ เพราะไม่ใช่ทุกโรงแรมที่สามารถรับคนต่างชาติเข้าพักได้ ในขณะที่ ถ้าท่านไม่ได้พักที่โรงแรม ท่านไปพักที่บ้านของเพื่อนหรือญาติ ท่านมีหน้าที่ที่จะต้องไปรายงานตัวต่อหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองในท้องถิ่นนั้น ๆ ภายใน 24 ชั่วโมง ตามกฎหมายจีน มิเช่นนั้นจะถูกปรับได้

ประเด็นที่สามคือ“ศึกษากฎหมายจีนเบื้องต้น” อัครราชทูตที่ปรึกษากล่าวว่า “เรื่องสุดท้ายที่ผมคิดว่าเป็นส่วนที่สำคัญที่สุดคือ ท่านควรต้องศึกษากฎหมายจีนเบื้องต้นว่า สิ่งของใดที่ไม่สามารถนำเข้ามาจีนได้ เช่น กัญชาเพื่อการแพทย์ กัญชาไม่สามารถนำเข้ามาประเทศจีนได้ในทุกกรณี เช่น หากเราดื่มน้ำกัญชามาขึ้นเครื่องเดินทางเข้าจีนก็จะอยู่ในดุลพินิจของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองประเทศจีน เพราะเมื่อทำผิดกฎหมายจีนแล้วจะถูกดำเนินการทุกประการตามกฎหมายของจีน เฉกเช่นเดียวกับที่คนจีนไปไทยก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายไทย”

อนึ่ง มาตรการฟรีวีซ่า 30 วัน ของทั้งสองประเทศ มีจุดประสงค์ 3 ประการคือ เพื่อท่องเที่ยว เพื่อติดต่อธุรกิจ และเพื่อเยี่ยมญาติหรือเพื่อน โดยถ้าท่านจะเดินทางเข้าจีนโดยไม่ใช่วัตถุประสงค์ทั้ง 3 ข้อนี้ก็จะต้องดำเนินการขอวีซ่าก่อนการเดินทาง เช่น หากท่านจะเดินทางมาทำงานในจีน ท่านต้องขอวีซ่าและทำใบอนุญาติทำงานถึงจะเข้าจีนได้

รายละเอียดของมาตรการฟรีวีซ่าระหว่างจีน-ไทย คือภายใน 180 วัน ท่านจะอยู่ในจีนได้นับรวมกันไม่เกิน 90 วัน โดยจะเดินทางกี่ครั้งก็ได้ และในการเดินทางแต่ละครั้งอยู่ได้ไม่เกิน 30 วัน ทั้งหมดนี้ก็ขึ้นอยู่กับวิธีนับและดุลยพินิจของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองจีน ซึ่งเป็นมาตรการที่ทั้งจีนและไทยตกลงดำเนินการเช่นเดียวกัน โดยคนจีนที่เดินทางไปไทยก็ใช้มาตรการนี้เช่นกัน

ในกรณีที่คนจีนเดินทางไปเที่ยวประเทศไทยก็ควรต้องศึกษาขนบธรรมเนียมประเพณีและกฎหมายเบื้องต้นของไทย เช่นเดียวกับคนไทย คือ คนจีนก็สามารถอยู่ในเมืองไทยได้ครั้งละไม่เกิน 30 วัน และภายใน 180 วัน อยู่ได้รวมกันแล้วไม่เกิน 90 วัน โดยปรกติไม่สามารถต่ออายุได้ ยกเว้นในกรณีพิเศษ เช่น กรณีความเร่งด่วนทางมนุษยธรรม หรือ ภายใต้ดุลยพินิจของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองไทย รวมทั้งไม่สามารถทำงานได้