นำพามาเก๊าสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่าด้วย “หนึ่งประเทศ สองระบบ”

(People's Daily Online)วันศุกร์ 20 ธันวาคม 2024

นับตั้งแต่กลับคืนจากการปกครองของโปรตุเกสในปี 2542 มาเก๊าถูกปกครองในฐานะเขตบริหารพิเศษ (SAR) ภายใต้แนวนโยบาย “หนึ่งประเทศ สองระบบ” ซึ่งเป็นการจัดการอันเป็นเอกลักษณ์ที่ช่วยให้สามารถรักษาระบบทุนนิยมและวิถีชีวิตของตนไว้ภายในจีนสังคมนิยมได้

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา GDP ของมาเก๊าเติบโตจาก 51,900 ล้านปาตาการ์ (ประมาณ 6,230 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในปี 2542 เป็น 379,500 ล้านปาตาการ์ในปี 2566 ในขณะที่ GDP ต่อหัวเพิ่มขึ้นมากกว่าสี่เท่าเป็นประมาณ 70,000 ดอลลาร์สหรัฐ ในปีนี้ นิตยสารฟอร์บส (Forbes) จัดให้มาเก๊าเป็นสถานที่ที่ร่ำรวยเป็นอันดับสองของโลก รองจากลักเซมเบิร์กเท่านั้น

จำนวนนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเมืองนี้เพิ่มขึ้นเป็นมากกว่า 32 ล้านคนต่อปีจาก 7 ล้านคนเมื่อ 25 ปีก่อน

การวางแผนพัฒนามาเก๊า

รัฐบาลกลางของจีนได้พิจารณาถึงตำแหน่งและบทบาทอันเป็นเอกลักษณ์ของมาเก๊าอย่างเต็มที่ พร้อมสนับสนุนให้มาเก๊าบูรณาการเข้ากับกลยุทธ์การพัฒนาของชาติอย่างแข็งขัน

เขตความร่วมมือเชิงลึกเหิงฉินกวางตุ้ง-มาเก๊า ได้รับการก่อตั้งขึ้นในปี 2564 ภายใต้การวางแผนและคำแนะนำส่วนบุคคลของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ช่วยให้มาเก๊าสามารถพัฒนาอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น การผลิตระดับไฮเอนด์ ยาแผนจีนแบบดั้งเดิม บริการทางการเงิน และการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม ช่วยลดการพึ่งพาในภาคส่วนเกมที่มากเกินไป

ณ เดือนกันยายน 2567 เขตความร่วมมือฯ ได้ดึงดูดวิสาหกิจในมาเก๊า 6,461 แห่งและชาวมาเก๊า 16,539 ราย ให้ย้ายเข้ามา การพัฒนาที่บูรณาการอย่างลึกซึ้งระหว่างกวางตุ้งและมาเก๊ากำลังจะกลายเป็นความจริง

การก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานดำเนินไปอย่างรวดเร็ว เมื่อวันที่ 23 ตุลาคม 2561สะพานฮ่องกง-จูไห่-มาเก๊า ซึ่งเป็นสะพานข้ามทะเลที่ยาวที่สุดในโลก ได้เปิดใช้งาน โดยประธานาธิบดีสี จิ้นผิงเป็นผู้ประกาศเปิดสะพานด้วยตนเอง

ในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา สะพานแห่งนี้ได้พัฒนาจนกลายเป็นช่องทางเศรษฐกิจและการค้าที่สำคัญ รวมถึงเป็นเส้นทางการขนส่งที่สำคัญในเขตอ่าวกวางตุ้ง-ฮ่องกง-มาเก๊า (Greater Bay Area) จำนวนผู้ข้ามพรมแดนประจำปีที่ท่าเรือสะพานฮ่องกง-จูไห่-มาเก๊าและท่าเรือเหิงฉินต่างก็เกิน 20 ล้านครั้งในปี 2567 ซึ่งถือเป็นสถิติใหม่


นักท่องเที่ยวเยี่ยมชมจัตุรัสเซนาโด้ในมาเก๊า ทางตอนใต้ของจีน เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม 2567 (ซินหัว)

การเชื่อมต่อกับคนในพื้นที่

ดาวเทียม “Macao Science 1” ซึ่งพัฒนาโดยจีนแผ่นดินใหญ่และมาเก๊า ได้ถูกปล่อยขึ้นสู่อวกาศสำเร็จในเดือนพฤษภาคม 2566

หลังจากการเปิดตัว คณาจารย์และนักศึกษา 18 คนจากมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมาเก๊าที่มีส่วนร่วมในการพัฒนาดาวเทียมได้เขียนจดหมายถึงสี จิ้นผิงเพื่อแบ่งปันข่าวที่น่าตื่นเต้นและประสบการณ์ของพวกเขาในโครงการนี้

“เพียงสองวันต่อมา เราก็ได้รับคำตอบจากประธานาธิบดีสี นั่นเป็นกำลังใจอันยิ่งใหญ่สำหรับเรา” หยิน เหลียง ผู้ช่วยนักวิจัยของโครงการกล่าวพร้อมเสริมว่า “เขาชื่นชมการทำงานของเราและให้คำแนะนำสำหรับความพยายามในอนาคตของเรา”

สี จิ้นผิง ยังใส่ใจความคิดและความปรารถนาของเยาวชนมาเก๊าเป็นอย่างมาก ในเดือนพฤษภาคม 2562 นักเรียนจากโรงเรียนมัธยมศึกษาตอนต้นในมาเก๊าได้เขียนจดหมายถึงสี จิ้นผิง เพื่อแบ่งปันความเข้าใจของพวกเขาเกี่ยวกับแนวคิดเรื่อง “มาตุภูมิ” และแสดงความปรารถนาที่อยากให้นายสี จิ้นผิง มาเยือนมาเก๊าอีกครั้ง

หลังจากตอบข้อความกับนักเรียนแล้ว สี จิ้นผิงก็ได้ทำตามสัญญาของเขาด้วยการไปเยี่ยมชมโรงเรียนของพวกเขาในเดือนธันวาคม 2562 เขาเข้าร่วมชั้นเรียนประวัติศาสตร์จีนแบบเปิดในมหาวิทยาลัย และบอกกับนักเรียนว่า “ในฐานะคนจีน พวกเราต้องเข้าใจประวัติศาสตร์ของประเทศของเรา”

ชั้นเรียนแบบเปิดนั้นสร้างความประทับใจให้กับ หนี่ โฮ แลม นักเรียนวัย 15 ปีในตอนนั้นเป็นอย่างมาก จากประสบการณ์ดังกล่าว เธอจึงเริ่มนำองค์ประกอบทางวัฒนธรรมจีนดั้งเดิม เช่น มังกรและนกกระเรียน มาผสมผสานเข้ากับผลงานของเธอระหว่างการแข่งขันออกแบบสร้างสรรค์ ปัจจุบัน เธอได้ติดตามความฝันในการออกแบบและศิลปะในฐานะนักศึกษาที่สถาบันเทคโนโลยีแฟชั่นปักกิ่ง