สมาชิกสภาที่ปรึกษาทางการเมืองแห่งประชาชนจีนระบุ ซินเจียงควรขยายการเปิดกว้างในระดับสูงต่อไป พร้อมเสริมความแข็งแกร่งให้กับการผลิตฝ้าย

(People's Daily Online)วันพฤหัสบดี 06 มีนาคม 2025


เครื่องหว่านเมล็ดพันธุ์อัตโนมัติกำลังทำงานในพื้นที่เกษตรกรรมในเขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน
ภาพถ่ายทางอากาศเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2567
ซินเจียงเป็นศูนย์กลางสำคัญของการผลิตฝ้าย เมื่ออุณหภูมิสูงขึ้น การเพาะปลูกฝ้าย
ในฤดูใบไม้ผลิของซินเจียงได้เริ่มต้นจากทางใต้ไปทางเหนือ (ซินหัว)

ตามข้อเสนอที่เสนอโดย เหลียง หย่ง (Liang Yong) สมาชิกสภาที่ปรึกษาทางการเมืองแห่งประชาชนจีน (CPPCC) ระบุว่า เขตปกครองตนเองซินเจียงอุยกูร์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของจีน ควรใช้ประโยชน์จากตำแหน่งทางยุทธศาสตร์ในฐานะเส้นทางยุทธศาสตร์ทองคำของยูเรเซียและประตูสู่การเปิดประเทศทางตะวันตกของจีน และเพิ่มการแลกเปลี่ยนทางเศรษฐกิจกับประเทศในเอเชียกลาง รวมถึงสำรวจตลาดในอาเซียน ตะวันออกกลาง และแอฟริกา

เหลียง หย่ง เป็นสมาชิกของสมาคมส่งเสริมประชาธิปไตยแห่งประเทศจีน (China Association for Promoting Democracy) ซึ่งเป็นหนึ่งในแปดพรรคการเมืองที่ไม่ใช่คอมมิวนิสต์ของจีน นอกจากนี้ เขายังเป็นผู้อำนวยการสำนักงานพัฒนาอุตสาหกรรมฝ้ายของซินเจียงอีกด้วย

“เราคาดหวังว่าซินเจียงจะใช้ประโยชน์จากความได้เปรียบของตนเองเพื่อสร้างห่วงโซ่อุตสาหกรรมและห่วงโซ่อุปทานระดับโลกที่สามารถเชื่อมโยงตะวันตกกับตะวันออกได้มากขึ้น” เหลียงกล่าว พร้อมทั้งชี้ให้เห็นถึงแนวโน้มการค้าต่างประเทศที่แข็งแกร่งของซินเจียงในปีที่ผ่านมา

ตามข้อมูลศุลกากร การค้าต่างประเทศของซินเจียงในปี 2567 ขยายตัวขึ้น 21.8% โดยมีมูลค่าถึง 435.11 พันล้านหยวน (59.88 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งอัตราการเติบโตสูงกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศถึง 16.8 จุดเปอร์เซ็นต์ เหลียงกล่าวว่า จากยอดการค้าต่างประเทศที่เกิน 2 แสนล้านหยวนในปี 2565 ไปจนถึงมูลค่าการค้าฯ ที่เกิน 4 แสนล้านหยวนในปี 2567 มูลค่าการค้าฯ ของซินเจียงได้ก้าวกระโดดขึ้น 1 แสนล้านหยวนต่อเนื่องเป็นเวลา 3 ปี แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มการเติบโตที่รวดเร็ว

เหลียง ได้เสนอข้อเสนอ 3 ฉบับสำหรับการประชุมสองสภาปีนี้ โดยสองฉบับเกี่ยวข้องกับการสนับสนุนการพัฒนาการปลูกฝ้ายในภูมิภาคซินเจียง

เหลียง เสนอว่าจีนควรดำเนินการและปรับปรุงกลไกราคาฝ้ายต่อไป และรักษาการผลิตฝ้ายในประเทศให้มั่นคงเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการแข่งขันระดับนานาชาติของอุตสาหกรรมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มของจีน

เหลียง เผย “จากการประมาณการ จีนยังคงต้องนำเข้าฝ้ายและเส้นด้ายฝ้ายมากกว่า 4 ล้านตันต่อปี โดยมีอัตราการพึ่งพาตนเองของฝ้ายน้อยกว่า 65% ดังนั้น การรักษาความมั่นคงของอุปทานฝ้ายของประเทศจึงมีความสำคัญมาก”

เหลียง ยังเสริมว่า “ความได้เปรียบด้านขนาดของอุตสาหกรรมฝ้าย และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องของจีนไม่สอดคล้องกับอิทธิพลระดับนานาชาติในการกำหนดมาตรฐานและการกระจายมูลค่า เนื่องจากอิทธิพลดังกล่าวยังคงถูกควบคุมโดยประเทศต่าง ๆ เช่น สหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักร” ดังนั้น อุตสาหกรรมฝ้ายและสิ่งทอของจีนโดยรวมจำเป็นต้อง “มุ่งเน้นการทำงานของตนเอง” เพื่อพัฒนาระบบที่สร้างสรรค์และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ขณะเดียวกันก็ขยายเข้าสู่สาขาใหม่ๆ

เขาเสนอว่า ควรมีความพยายามมากขึ้นในการเสริมสร้างการเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านด้านการค้าฝ้ายและสร้างกลไกราคาฝ้ายที่เป็นอิสระ นอกจากนี้ งานเร่งด่วนอีกประการคือการส่งเสริมการรับรองและสร้างแบรนด์ “ฝ้ายซินเจียง” และการสร้างระบบติดตามคุณภาพเพื่อเพิ่มมูลค่าการผลิตฝ้ายในท้องถิ่น

เหลียง กล่าวว่าในการประชุมสองสภา เขาจะมุ่งเน้นไปที่หัวข้อที่เกี่ยวข้องกับวิธีการที่นวัตกรรมทางเทคโนโลยีสามารถยกระดับความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมจีนในทุกด้าน

ด้วยการนำเครื่องจักรกล การใช้เทคโนโลยีดิจิทัล และเทคโนโลยีอัจฉริยะที่เพิ่มมากขึ้น รวมถึงการส่งเสริมการเพาะปลูกในพื้นที่ขนาดใหญ่ ต้นทุนการปลูก ฝ้ายต่อหมู่ (0.067 เฮกตาร์) ลดลงเฉลี่ย 1.1% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ต้นทุนแรงงานเฉลี่ยต่อหมู่ลดลง 25.1% ซึ่งเป็นเพียงครึ่งหนึ่งของต้นทุนเมื่อห้าปีที่แล้ว ตามข้อมูลจากเหลียง

เขากล่าวว่า “ผมเชื่อว่าการส่งเสริมและการใช้เกษตรกรรมอัจฉริยะที่ขับเคลื่อนด้วย 5G และปัญญาประดิษฐ์จะช่วยลดต้นทุนการปลูกฝ้ายในภูมิภาคซินเจียง และเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของภาคส่วนนี้ได้อีก”