ตลาดค้าส่งอี้อู จุดเชื่อมโยงการค้าโลก สวนกระแสโตต่อเนื่องท่ามกลางความไม่แน่นอน

(People's Daily Online)วันอาทิตย์ 27 เมษายน 2025


พ่อค้าจากประเทศจอร์แดนกำลังซื้อสินค้าที่ตลาดการค้าระหว่างประเทศอี้อูในเมืองอี้อู มณฑลเจ้อเจียง เมื่อวันที่ 15
เมษายน 2568 (พีเพิลส์ เดลี่ ออนไลน์)

ในยามบ่ายวันหนึ่งที่ตลาดการค้าระหว่างประเทศอี้อู (Yiwu International Trade Market) ศูนย์กลางการค้าส่งสินค้าอุปโภคบริโภคที่ใหญ่ที่สุดในโลก กิจกรรมทางธุรกิจยังคงคึกคักไม่เหมือนที่ใด ผู้ซื้อจากทั่วทุกมุมโลกเดินทางมาที่นี่อย่างไม่ขาดสาย ส่วนผู้ค้ากว่า 75,000 รายกำลังตอบสนองความต้องการของลูกค้าทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์

ตลาดแห่งนี้ตั้งอยู่ในมณฑลเจ้อเจียง ทางตะวันออกของจีน ได้รับฉายาว่าเป็น “ซูเปอร์มาร์เก็ตของโลก” ด้วยผู้มาเยือนกว่า 220,000 คนต่อวัน แม้การค้าโลกจะเผชิญความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้น แต่ตลาดอี้อูยังคงแสดงความแข็งแกร่งและคล่องตัว “ปัญหามีไว้ให้แก้ ไม่ใช่มีไว้ขวาง” เป็นคำพูดของพ่อค้าคนหนึ่งที่กล่าวกับนักข่าวพีเพิลส์ เดลี่ สื่อให้เห็นถึงความมั่นใจของตลาดแห่งนี้ แม้ห่วงโซ่อุปทานและภูมิรัฐศาสตร์จะเปลี่ยนแปลง แต่ที่นี่ยังคงเสาะหาวิธีใหม่ ๆ เพื่อรักษาการค้าให้เดินหน้าต่อไป

ที่ชั้น 5 โซน 2 ในตลาด ณ เวลา 15.00 น. หวาง นาน ผู้จัดการทั่วไปของร้านขายเครื่องมือยังไม่มีเวลาพักทานข้าว “นี่คือลูกค้ากลุ่มที่ 4 ที่พบวันนี้” เขาพูดพร้อมชี้ไปที่คำสั่งซื้อออนไลน์ที่รอการจัดส่ง นับตั้งแต่ต้นปี ยอดขายของร้านเพิ่มขึ้นประมาณ 20%

ร้านของเขามีเครื่องมือช่างและเครื่องมือไฟฟ้าให้เลือกมากกว่า 1,000 รายการ ส่งออกไปกว่า 100 ประเทศผ่านเครือข่ายความร่วมมือระยะยาวกับผู้ผลิตในศูนย์กลางอุตสาหกรรม เช่น เมืองตันหยางในมณฑลเจียงซู ทางตะวันออกของจีน และตัวแทนจำหน่ายทั่วโลก

ด้วยตัวเลือกที่หลากหลาย บรรจุภัณฑ์ที่สวยงาม และคุณภาพที่เชื่อถือได้ ทำให้ผลิตภัณฑ์ได้รับความนิยมในหมู่ผู้บริโภคทั่วโลก หวาง หนานกล่าวว่า “การค้าของเรากับสหรัฐฯ คิดเป็นประมาณ 10% ของธุรกิจเรา แม้ว่าการจัดส่งไปยังสหรัฐฯ จะล่าช้า แต่ก็ไม่ได้ทำให้เราหวั่นไหว หากคุณมีผลิตภัณฑ์ที่ดี ลูกค้าก็จะมาซื้อซ้ำเรื่อย ๆ”

จุดแข็งของอี้อูอยู่ที่ปริมาณ ความหลากหลาย และความเร็ว ตลาดแห่งนี้มีสินค้าในสต็อกมากกว่า 2.1 ล้านหน่วย (SKU) ซึ่งถือเป็นกระดูกสันหลังของการบริโภคทั่วโลก ในแต่ละวัน สินค้าธรรมดาๆ เหล่านี้ ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าเรียกว่าสินค้า "ฮาร์ดคอร์" ได้ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจของพ่อค้าแม่ค้าในท้องถิ่นในการรับมือกับภาวะช็อกจากทั่วโลกและทำให้การค้าเดินหน้าต่อไปได้

หลิว เจี้ยนเฮ่า ผู้อำนวยการฝ่ายขายของบริษัท Zhejiang Rifeshow Cosmetics Co., Ltd. กล่าวว่า “ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เราได้พยายามขยายตลาดเข้าสู่ตลาดในแอฟริกา และตอนนี้เราเห็นการเติบโตมากกว่า 20% ในประเทศเหล่านั้น”

บริษัทได้ลดการพึ่งพาตลาดสหรัฐฯ ลงอย่างมาก โดยลดสัดส่วนการส่งออกไปยังสหรัฐฯ จาก 60% ในปี 2561 เหลือเพียง 5% ในปัจจุบัน ซึ่งการเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยปกป้องบริษัทจากผลกระทบจากภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ที่คาดเดาไม่ได้

เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดตัวน้ำหอมรุ่นใหม่ที่มุ่งเป้าไปที่ตลาดในแอฟริกาและตะวันออกกลาง แผนเบื้องต้นกำหนดไว้ว่าจะมีผลิตภัณฑ์ 30 รายการ แต่เมื่อถึงเวลาที่เปิดตัวในเดือนกุมภาพันธ์ปีนี้ ความต้องการก็พุ่งสูงเกินความคาดหมายไปแล้ว บริษัทจึงได้เพิ่มน้ำหอมอีก 36 รายการอย่างรวดเร็ว โดยแต่ละรายการจะปรับให้เหมาะกับความชอบของแต่ละภูมิภาค

“ในเวลาเพียง 2 เดือน เราขายน้ำหอมไปแล้วกว่า 5 ล้านขวด”หลิว เจี้ยนเฮ่า กล่าวด้วยความภาคภูมิใจ “จากแนวคิดสู่ชั้นวางสินค้า เราเคลื่อนไหวเร็วและส่งมอบคุณภาพ นี่คือความแข็งแกร่งของห่วงโซ่อุปทานจีน และเป็นสิ่งที่ทำให้พ่อค้าอี้อูเติบโตได้ในตลาดโลกที่หลากหลายขึ้นเรื่อย ๆ”

ตลาดการค้าระหว่างประเทศอี้อูดำเนินงานเหมือนงานแสดงสินค้าโลกที่เปิดตลอดปี ดึงดูดผู้ซื้อจากทุกมุมโลก ข้อมูลจากศุลกากรอี้อูระบุว่า ในไตรมาสแรกของปีนี้ มูลค่าการค้าระหว่างเมืองอี้อูกับประเทศพันธมิตรหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทางสูงถึง 1.118 แสนล้านหยวน (ราว 5.033 แสนล้านบาท) เพิ่มขึ้น 11.7% จากปีก่อนหน้า มีสัดส่วนเป็น 66.8% ของมูลค่าการค้าต่างประเทศทั้งหมดของเมือง

ในช่วงเวลาเดียวกัน อี้อูมีการเติบโตที่สำคัญในตลาดการค้ากับภูมิภาคอื่น ๆ เช่น การค้ากับอาเซียนและสหภาพยุโรป ขยายตัว 16.1% และ 16.5% ตามลำดับ ในขณะที่การค้ากับแอฟริกา อเมริกาใต้ และตะวันออกกลางเติบโต 3.9%, 14.1% และ 13.7% ตามลำดับ

สำหรับพ่อค้าอี้อู ตลาดในเอเชีย แอฟริกา และละตินอเมริกาและประเทศพันธมิตรหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (BRI) ไม่เพียงเป็นโอกาส แต่ยังเป็นความมั่นคง การขยายเครือข่ายความต้องการในตลาดเกิดใหม่เหล่านี้กลายเป็น “เกราะป้องกัน” ที่ช่วยรับมือความไม่แน่นอนและสร้างความยืดหยุ่นในระยะยาว

สถิติของกรมศุลกากรจีนชี้ให้เห็นว่าในไตรมาสแรกของปีนี้ การค้าระหว่างจีนกับประเทศพันธมิตร BRI เติบโต 2.2% โดยมีมูลค่า 5.26 ล้านล้านหยวน สูงกว่าอัตราการเติบโตโดยรวม 0.9% และมีสัดส่วนเป็น 51.1% ของการค้าต่างประเทศโดยรวมของจีน โดยเฉพาะการค้าระหว่างจีนกับอาเซียนเติบโตจากปีก่อนหน้า 7.1% และการค้ากับ 5 ประเทศเอเชียกลางเพิ่มขึ้น 6.9%

เจ้าหน้าที่ศุลกากรจีนระบุว่า “การขยายไปสู่ตลาดที่หลากหลาย และการเชื่อมโยงห่วงโซ่อุปทานระหว่างประเทศ จะเสริมความแข็งแกร่งให้การค้าต่างประเทศของจีน”

นอกจากนี้ ตลาดภายในประเทศขนาดใหญ่ของจีนยังกลายเป็นเสาหลักสำคัญสำหรับบริษัทส่งออก โดยรัฐบาลส่งเสริมการบูรณาการการค้าภายในและต่างประเทศ เพื่อสร้างสมดุลทางเศรษฐกิจ

เมื่อวันที่ 13 เมษายน กระทรวงพาณิชย์จีนได้เปิดตัวแคมเปญ “ส่งสินค้าพรีเมียมกลับบ้าน” (Premium Exports Homebound) โดยมีเป้าหมายช่วยบริษัทการค้าต่างประเทศปรับตัวสู่ตลาดในประเทศ ส่งเสริมสินค้าที่ได้มาตรฐานส่งออกให้เป็นที่รู้จักในตลาดท้องถิ่น

เจ้าหน้าที่กระทรวงพาณิชย์จีนกล่าวว่า “เราจะมุ่งจัดการกับปัจจัยภายในให้ดี และใช้ ‘ความแน่นอน’ ของเราเพื่อรับมือกับ ‘ความไม่แน่นอน’ ของสภาพแวดล้อมภายนอก”

ทางการจีนระบุว่า ในขณะที่ประเทศกำลังปลดล็อกศักยภาพของตลาดขนาดใหญ่ผ่านนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและสร้างเสถียรภาพในการค้าต่างประเทศ การค้าระหว่างประเทศของจีนมีความพร้อมที่จะรับมือกับความเสี่ยงและความท้าทายต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ