บทสัมภาษณ์อดีต รมว. คลัง: ประเทศที่ยอมจำนนต่อแรงกดดันภาษีของสหรัฐฯ จะได้รับผลกระทบมากกว่า
ศ.ดร.สุชาติ ธาดาธำรงเวช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า มาตรการภาษีของสหรัฐฯ มีลักษณะ “ด้านเดียว” และขาดการพิสูจน์ในเชิงทฤษฎี โดยเตือนว่า ประเทศต่าง ๆ ที่ยอมตามข้อเรียกร้องที่ไม่สมเหตุสมผลของสหรัฐฯ อาจได้รับอันตรายมากกว่า
ศ.ดร.สุชาติกล่าวให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซินหัวเมื่อไม่นานนี้ว่า “ไม่มีเหตุผลที่จะต้องยอมจำนนต่อแรงกดดันของสหรัฐฯ” โดยชี้ให้เห็นว่ามาตรการภาษีของสหรัฐฯ ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อประเทศกำลังพัฒนาอย่างไทย ขณะเดียวกันก็ทำร้ายผู้บริโภคชาวอเมริกันด้วยเช่นกัน
เขาเตือนว่าประเทศต่าง ๆ ที่เลือกประนีประนอมอาจต้องประสบกับความทุกข์ยากมากยิ่งขึ้น “หากคุณยอมจำนน รัฐบาลสหรัฐฯ จะเรียกร้องมากขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไม่มีวันสิ้นสุด”
เขากล่าวว่า นโยบายภาษีศุลกากรต่าง ๆ และแนวทางการดำเนินการที่เปลี่ยนแปลงไปตามมาได้สร้างความวุ่นวายอย่างมากต่อการค้าโลก
ในฐานะอดีตศาสตราจารย์ด้านเศรษฐศาสตร์ สุชาติ โต้แย้งว่าเหตุผลที่รัฐบาลสหรัฐฯ ขึ้นภาษีนำเข้านั้นไม่ได้รับการสนับสนุนจากทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ โดยยกตัวอย่างงานวิจัยที่แสดงให้เห็นว่าภาระภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ในอดีตตกอยู่ที่ผู้บริโภคชาวอเมริกันเป็นหลัก ไม่ใช่ผู้ส่งออกจากต่างประเทศ แม้ว่าอุตสาหกรรมบางส่วนจะกลับคืนสู่สหรัฐฯ ก็ตาม จำต้องใช้เวลานาน และความเสียหายที่เกิดขึ้นในระหว่างนี้ก็รุนแรงมาก
เขากล่าวว่า “อเมริกากำลังทำร้ายประชาชนของตนเอง สินค้าต่าง ๆ กำลังหายไปจากชั้นวางของซูเปอร์มาร์เก็ต และราคาสินค้าก็จะพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว”
ศ.ดร.สุชาติ กล่าวว่า สหรัฐอเมริกาได้รับประโยชน์หลักจากระบบการค้าโลกปัจจุบันมานานแล้ว “สหรัฐฯ พึ่งพาการพิมพ์เงินเพื่อซื้อของจากส่วนอื่น ๆ ของโลกมานานแล้ว พวกเขาไม่ควรบ่นมากนัก เพราะผู้คนเต็มใจที่จะให้สินค้าจริงแก่พวกเขาเพื่อแลกกับการพิมพ์เงิน”
เศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนโดยการส่งออก เช่น ประเทศไทย กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่เนื่องจากความผันผวนของภาษีศุลกากร โดยเขากล่าวว่า การวางแผนการส่งออกมักต้องใช้เวลาเตรียมการหลายเดือน และการเปลี่ยนแปลงนโยบายการค้าอย่างกะทันหันทำให้ประเทศต่าง ๆ และธุรกิจต่าง ๆ ประสบความยากลำบากอย่างยิ่งในการปรับกลยุทธ์การผลิตและการตลาดให้ทันเวลา
กระทรวงการคลังของไทยได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2568 จากร้อยละ 3 เหลือร้อยละ 2.1 โดยอ้างถึงผลกระทบจากภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ และภาวะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว โดยก่อนหน้านี้ ธนาคารกลางของไทยเคยกล่าวไว้ว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยอาจลดลงเหลือเพียงร้อยละ 1.3 ในปีนี้ ในกรณีเลวร้ายที่สุด
ศ.ดร.สุชาติเรียกร้องให้ประเทศต่าง ๆ ยืนหยัดและปกป้องผลประโยชน์ของตนเองภายใต้แรงกดดันดังกล่าว โดยเรียกร้องให้สมาชิกในกลุ่มอาเซียนสนับสนุนการค้าเสรีต่อไป เสริมสร้างความสัมพันธ์กับหุ้นส่วนการค้าอื่น ๆ และเพิ่มการประสานงานผ่านกรอบอาเซียนเพื่อปกป้องผลประโยชน์ร่วมกัน
เขากล่าวทิ้งท้ายว่า “การพึ่งพาตลาดขนาดใหญ่ที่มีนโยบายที่ไม่สามารถคาดเดาได้เช่นสหรัฐอเมริกามากเกินไป ทำให้เราตกอยู่ในความเสี่ยง”