ผู้รอดชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวที่เสฉวนเมื่อปี 2551

(People's Daily Online)วันศุกร์ 16 พฤษภาคม 2025

เมื่อวันที่ 12 พฤษภาคม 2551 แผ่นดินไหวขนาด 8.0 ริกเตอร์เกิดขึ้นที่อำเภอเวิ่นชวน ในมณฑลเสฉวน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตเกือบ 70,000 ราย สูญหาย 18,000 ราย และได้รับบาดเจ็บกว่า 370,000 ราย ตอนนี้ผ่านมา 17 ปีแล้ว เด็ก ๆ ที่ได้รับการช่วยเหลือในตอนนั้นต่างเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ตอนนี้พวกเขาเป็นยังไงบ้าง?

หวาง รุ่ย

หวาง รุ่ยเป็นเด็กอายุ 15 ปีที่กำลังเตรียมสอบเข้าโรงเรียนมัธยมปลายเมื่อเกิดแผ่นดินไหว เธอติดอยู่ใต้แผ่นคอนกรีตหลายแผ่นและถูกทับนานกว่า 10 ชั่วโมง แม้จะได้รับการช่วยเหลือ ขาขวาของเธอก็ต้องถูกตัดออกเนื่องจากกล้ามเนื้อได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง ด้วยขาเทียม เธอจึงสามารถยืนขึ้นได้อีกครั้ง

ในปี 2552 เธอได้รับกำลังใจจากครอบครัวจนเริ่มเล่นปิงปองและต่อสู้กับชะตากรรมของตนเองด้วยการฝึกฝนจนในที่สุดเธอก็ได้เข้าร่วมทีมชาติ ทีมของหวางคว้าเหรียญทองในการแข่งขันพาราลิมปิกเกมส์ 2021 ที่โตเกียว เธอคว้าเหรียญทองในการแข่งขันประเภทหญิงเดี่ยวคลาส 7 ในการแข่งขันเอเชียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 4 ที่เมืองหางโจว มณฑลเจ้อเจียง ทางตะวันออกของจีน ในปี 2566 และเหรียญทองแดงในการแข่งขันประเภทหญิงเดี่ยวในกีฬาพาราลิมปิก 2024 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส

หนิว หยีว์

หนิว หยีว์ในวัย 11 ขวบ สูญเสียขาขวาจากแผ่นดินไหว ด้วยกำลังใจจากพ่อแม่ เธอจึงสร้างความมั่นใจในตัวเองขึ้นมาใหม่ด้วยกิจกรรมท้าทายต่างๆ เช่น การปีนเขา แบดมินตัน และปิงปอง เธอค่อยๆ เรียนรู้ที่จะยอมรับตัวเองทีละเล็กทีละน้อย

เธอวิ่งฮาล์ฟมาราธอนเวินชวน ด้วยขาเทียม จนได้รับการยกย่องว่าเป็น “สาวมาราธอนที่สวยที่สุดในจีน” เธอเดินบนรันเวย์ในงานเซี่ยงไฮ้แฟชั่นวีคและได้รับเสียงปรบมือ เธอยังตกแต่งขาเทียมของเธอด้วยสติ๊กเกอร์สีสันฉูดฉาดอีกด้วย

ปัจจุบันเธอเป็นช่างภาพและนักสร้างสรรค์คอนเทนต์ และได้รับเลือกให้ดำรงตำแหน่งผู้แทนของสภาผู้แทนประชาชนประจำมณฑลเสฉวน ชุดที่ 14 ในปี 2566 เมื่ออายุ 28 ปี เธอได้รับการตอบรับเข้าโรงเรียนในฝันโดยการศึกษาด้วยตนเอง และได้รับการขนานนามว่าเป็น “ต้นแบบการพัฒนาตนเองแห่งชาติ”

หยาง หลิน

หยาง หลิน อายุ 14 ปีในขณะที่อาคารเรียนของเธอพังถล่มจากแผ่นดินไหว เธอสามารถผลักเพื่อนร่วมชั้นสองคนไปยังที่ปลอดภัยได้แต่เธอก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน เธอถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลประชาชนมณฑลเจ้อเจียงในเมืองหางโจว และได้รับการดูแลจากแพทย์และพยาบาลที่ช่วยเหลือเธอตลอดช่วงการฟื้นตัว ประสบการณ์ครั้งนั้นทำให้เกิดความฝัน เธอไปเรียนพยาบาลและกลับมาที่โรงพยาบาลเดิมเพื่อฝึกงาน ปัจจุบันเธอทำงานที่นั่นในตำแหน่งพยาบาลฟื้นฟูสมรรถภาพ

จู หยี่ว์

จู หยี่ว์ในวัย 5 ขวบ ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังขณะเกิดแผ่นดินไหว แพทย์ช่วยชีวิตเธอ โดยทำการผ่าตัดสมองและตัดขาซ้ายของเธอ เมื่อเธอตื่นขึ้นมา เธอก็ยิ้มและสัมผัสทุกคนรอบข้างเธอ

ปัจจุบันเธอเป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 3 เธอเล่าว่า “ความพิการไม่เคยทำให้ฉันหยุดพัฒนาตัวเองเลย มันทำให้ฉันเห็นคุณค่าของสุขภาพมากขึ้น ฉันได้รับความรักมากมาย และฉันอยากจะส่งต่อความรักเหล่านี้ต่อไป”

จาง จื่อลี่

จาง จื่อลี่มีอายุเพียง 6 ขวบเมื่อเกิดแผ่นดินไหว บ้านของเขาพังทลายลงมา ทหารและนักดับเพลิงจึงกางเต็นท์เพื่อรองรับผู้รอดชีวิต เขาเล่าว่า “ทหารคนหนึ่งเล่นกับผม สอนผมร้องเพลง และพูดอยู่เสมอว่า ‘อย่ากลัว เราอยู่ที่นี่’”

ช่วงเวลานั้นยังคงอยู่ในความทรงจำของเขา ปัจจุบันจางเป็นนักดับเพลิง หลังเกิดแผ่นดินไหวขนาด 6.8 ริกเตอร์ที่เขตลู่ติ้ง มณฑลเสฉวน ในปี 2565 ภาพถ่ายของเขาขณะอุ้มทารกที่ได้รับการช่วยเหลือได้สร้างความสะเทือนใจให้กับผู้คนมากมาย “ผมได้รับการช่วยเหลือตอนอายุ 6 ขวบ และตอนนี้ก็ถึงคราวของผมที่จะถือคบเพลิง (ส่งต่อความช่วยเหลือ)” เขากล่าว

เฉิง เชียง

เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2551 หน่วยพลร่มจำนวน 15 นายได้รับการส่งไปปฏิบัติภารกิจเร่งด่วนหลังจากเกิดแผ่นดินไหว โดยที่ไม่มีการนำทางภาคพื้นดิน ไม่มีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ และไม่มีข้อมูลสภาพอากาศ พวกเขาจึงกระโดดจากความสูงเกือบ 5,000 เมตรเข้าไปในเขตที่ประสบภัยแผ่นดินไหว โดยเปิดเส้นทางชีวิตที่สำคัญสำหรับการช่วยเหลือทางอากาศ

หนึ่งในผู้รอดชีวิตมีเฉิง เชียงวัย 12 ปีด้วย ช่วงเวลานั้นถูกจารึกไว้ในความทรงจำของเขา เขาถือป้ายด้วยความมุ่งมั่นแบบเยาวชนและประกาศว่า “เมื่อผมโตขึ้น ผมจะเป็นทหารพลร่ม”

หลายปีต่อมาเฉิงก็รักษาสัญญานั้นไว้ เขาเข้าร่วมกองทัพและกลายเป็นทหารพลร่ม ในงานนิทรรศการการบินและอวกาศนานาชาติ ครั้งที่ 15 ของจีน ที่เมืองจูไห่ มณฑลกวางตุ้ง ทางตอนใต้ของจีน เมื่อปี 2567 เขาปรากฏตัวในฐานะหัวหน้าหมวดของ “หน่วยพลร่มจำลอง” ซึ่งเป็นหน่วยงานที่ได้รับการยกย่องยาวนานภายใต้กองพลพลร่มของกองทัพปลดแอกประชาชนจีน (PLA)

ปีนี้ถือเป็นปีที่ 13 ของเฉิงในการให้บริการ ความเชื่อมั่นของเขาไม่เคยเปลี่ยนแปลงเลย เขากล่าวว่า “ในฐานะทหาร โดยเฉพาะทหารพลร่ม คุณต้องไม่ลังเล คุณจะเดินหน้าเมื่อถึงเวลาอันควร”