ฟอรั่มคลังสมองจีน-ไทย: เปิดโอกาสนักวิชาการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และนำเสนอผลงานวิจัย เพื่อสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันในฐานะหุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้าน

(People's Daily Online)วันพุธ 28 พฤษภาคม 2025

ฟอรั่มคลังสมองจีน-ไทย (China-Thailand Think Tank Forum) ครั้งที่ 5 จัดขึ้นที่กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีนเมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2568 โดยสถาบันบัณฑิตสังคมศาสตร์จีน (CASS) และสำนักงานการวิจัยแห่งชาติ (วช.) ประเทศไทยเป็นผู้จัดงานหลัก และศูนย์วิจัยยุทธศาสตร์เอเชียแปซิฟิกและโลกภายใต้ CASS และศูนย์วิจัยจีน สำนักงานการวิจัยแห่งชาติ-สถาบันบัณฑิตสังคมศาสตร์จีนเป็นผู้รับผิดชอบดำเนินการ

ภายในงานฯ มีผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการของไทยและจีนเข้าร่วมประชุมราว 50 คน เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในสามประเด็นหลัก ได้แก่ ความสำเร็จและประสบการณ์ในช่วง 50 ปีของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างไทย-จีน, เส้นทางและแนวโน้มของการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันด้านความเชื่อมโยงทางเศรษฐกิจ การค้า วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี และด้านเกษตรระหว่างไทย-จีน และการส่งเสริมแลกเปลี่ยนเรียนรู้ซึ่งกันและกันโดยยึดหลักประชาชนเป็นศูนย์กลาง


หลี เสวี่ยซง ผู้รับผิดชอบของสถาบันบัณฑิตสังคมศาสตร์จีนและดร.วิภารัตน์ ดีอ่อง ผู้อำนวยการสำนักงานการวิจัยแห่ง
ชาติร่วมถ่ายภาพกับนักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญในงานฟอรั่มคลังสมองไทย-จีน ครั้งที่ 5 เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2568 ณ
โรงแรมคุนไท่เจียหัว กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน (พีเพิลส์ เดลี่ ออนไลน์)

ในโอกาสนี้พีเพิลส์ เดลี่ ออนไลน์ได้มีโอกาสพูดคุยกับคลังสมองไทยสองท่านที่มาร่วมบรรยายแลกเปลี่ยนในฟอรั่มครั้งนี้

ดร.กุลนรี นุกิจรังสรรค์ นักวิจัยชำนาญการจากสถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้กล่าวถึงมุมมองการสร้างประชาคมไทย-จีนที่มีอนาคตร่วมกันว่า ความสัมพันธ์ไทย-จีนมีความพิเศษกว่าความสัมพันธ์ของจีนกับประเทศอื่น ๆ เพราะจีน-ไทยมีความสัมพันธ์ที่ลงลึกในระดับประชาชนกับประชาชนตั้งแต่อดีตและไม่เคยมีความขัดแย้งกัน

ท่ามกลางความท้าทายในโลกยุคปัจจุบัน ควรผลักดันเสริมสร้างประชาคมไทย-จีนที่มีอนาคตร่วมกันในห้ามิติ เช่น ความร่วมมือทางเศรษฐกิจที่เน้นประชาชนเป็นศูนย์กลาง ให้ผลประโยชน์อยู่ที่ประชาชนตั้งแต่ระดับเอสเอ็มอีมากยิ่งขึ้น, การเรียนรู้วิทยาศาสตร์เทคโนโลยีจากจีนมาประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของคน, การเรียนรู้ของคน ปัจจุบันยังมีความต้องการบุคลากรที่มีความรู้ในระดับลึกของทั้งไทยและจีนมากขึ้น ต้องมีคนจีนที่เรียนรู้เรื่องไทยและคนไทยที่เรียนรู้เรื่องจีนที่ไม่ใช่แค่รู้ภาษาเท่านั้น แต่ต้องรู้ในหลากหลายด้าน เช่นประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม อัตลักษณ์ของทั้งสองประเทศ และการสร้างความเข้าใจระดับประชาชน ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมาก

ก้าวสำคัญในความร่วมมือด้านอวกาศไทย-จีน

ในส่วนความร่วมมือระหว่างไทยและจีนในด้านอวกาศ ดร. ทัฏพงศ์ ตุลยานนท์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้นำเสนอผลงานความร่วมมือระหว่างไทย-จีนด้านวิทยาศาสตร์อวกาศ ในการพัฒนาการผลิตอาหารและการเกษตรกรรมอวกาศที่ยั่งยืน โดยเมื่อปี 2567 ภายใต้ความร่วมมือระหว่างสำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศของไทยกับองค์การอวกาศแห่งชาติจีน ไทยนำวัตถุวิจัยขึ้นไปในเพย์โหลด (Payload) ของดาวเทียมวิจัยสือเจี้ยน-19 (Shijian-19) โดยทีมวิจัยไทยจากคณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ได้คัดเลือกพันธุ์ข้าวที่มีความทนทานเป็นพิเศษจากกรมการข้าวนำส่งขึ้นสู่อวกาศเมื่อวันที่ 27 กันยายน 2567 และโคจรในวงโคจรบนอวกาศเป็นเวลา 14 วัน และเมื่อสิ้นสุดภารกิจ ตัวอย่างเมล็ดพันธุ์ข้าวได้เดินทางกลับถึงพื้นโลกในวันที่ 11 ตุลาคม 2567

ดร.ทัฏพงศ์กล่าวให้สัมภาษณ์ว่า พันธุ์ข้าวที่กลับมาทำให้สามารถประเมินได้ว่าข้าวพันธุ์ใดที่เหมาะสมกับการเติบโตในอวกาศ มีความคงทนต่อสภาพแวดล้อมที่รุนแรง ซึ่งการวิจัยนี้จะช่วยพัฒนาสายพันธุ์ข้าวชนิดอื่น ๆ ซึ่งจะเป็นประโยชน์ไม่เพียงแต่อาหารในอวกาศเท่านั้นแต่ยังมีประโยชน์ต่อการใช้งานบนพื้นโลกด้วย


การบรรยายผลงานความร่วมมือด้านการวิจัยทางอวกาศโดย ดร. ทัฏพงศ์ ตุลยานนท์ คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
เมื่อวันที่ 26 พฤษภาคม 2568 ในฟอรั่มคลังสมองจีน-ไทย (China-Thailand Think Tank Forum) ครั้งที่ 5 ณ กรุง
ปักกิ่ง (พีเพิลส์ เดลี่ ออนไลน์)

ก้าวสำคัญของความร่วมมือคือ ในปีนี้มหาวิทยาลัยมหิดลได้ร่วมเฉลิมฉลองโอกาสครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ไทย-จีน โดยการลงนามบันทึกความร่วมมือกับ Deep Space Exploration Lab (DSEL) เพื่อเข้าร่วมโครงการ International Lunar Research Station (ILRS) ของจีน ในการร่วมดำเนินการวิจัยเพื่อการสำรวจดวงจันทร์ มีการแลกเปลี่ยนนักวิจัยและดำเนินการทดลองด้านชีววิทยาอวกาศร่วมกัน เพื่อเปิดโอกาสให้มหาวิทยาลัยมหิดลก้าวขึ้นมามีบทบาทในการเตรียมความพร้อมด้านกำลังคนสำหรับยุคเศรษฐกิจอวกาศ