ทัศนศึกษาช่วยฟื้นฟูชนบทจีน
เด็ก ๆ กำลังวาดภาพข้างทุ่งนาที่เขตหนานหู เมืองเจียซิง มณฑลเจ้อเจียง ทางตะวันออกของจีน ภาพถ่ายเมื่อวันที่ 27
เมษายน 2567 (ซินหัว)
“การเดินทางหลายพันไมล์ดีกว่าการอ่านหนังสือหลายพันเล่ม” เป็นสุภาษิตที่พ่อแม่ชาวจีนหลายคนให้ความสำคัญ และสุภาษิตนี้ยังส่งเสริมให้มีการทัศนศึกษาเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะในช่วงปิดเทอมฤดูร้อนที่กำลังเกิดขึ้นในประเทศจีน
ทัวร์เหล่านี้รวมเนื้อหาการศึกษาเข้ากับบรรยากาศการพักผ่อน โดยทั่วไปจะมีการเยี่ยมชมมหาวิทยาลัย พิพิธภัณฑ์ และสถานที่มรดกทางวัฒนธรรมที่มีชื่อเสียง
ขณะนี้ การเปลี่ยนแปลงกำลังเกิดขึ้น โดยผู้ปกครอง โรงเรียน และบริษัททัวร์ต่างหันหลังให้กับเมืองที่วุ่นวายและเลือกไปยังชนบทที่เงียบสงบ เพื่อจัดเตรียมวันหยุดให้กับเด็กๆ และเยาวชนโดยมุ่งหวังที่จะช่วยให้พวกเขาเปิดโลกทัศน์และใกล้ชิดกับธรรมชาติมากยิ่งขึ้น
ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน ซึ่งมีทุ่งข้าวโพดทอดยาวสุดลูกหูลูกตา หม่า จื้อไห่สาธิตวิธีการใช้ขวานหินและเคียวเหล็ก ซึ่งเป็นเครื่องมือการเกษตรแบบดั้งเดิมที่คนเมืองหลายคนไม่คุ้นเคย ให้กับกลุ่มทัวร์ที่มุ่งหวังศึกษาดูงานได้รับชม
ชาวนาวัย 62 ปีจากเมืองฉางชุน มณฑลจี๋หลิน ทำงานเป็นไกด์พาร์ทไทม์ที่พิพิธภัณฑ์ข้าวโพดในหมู่บ้านของเขา พิพิธภัณฑ์แห่งนี้มีของสะสมเกือบ 10,000 ชิ้น และเปิดให้กลุ่มนักเรียนในท้องถิ่นเข้าชม
“นิทรรศการที่เก่าแก่ที่สุดมีอายุย้อนกลับไปถึงราชวงศ์เมื่อ 1,000 ปีก่อน” หม่ากล่าว โดยมองว่าคอลเลกชันเหล่านี้เป็นเสมือนตำราเรียนที่มีชีวิตซึ่งอนุรักษ์วัฒนธรรมการเกษตรของจีน
หมู่บ้านของหม่าเป็นหนึ่งในพื้นที่ชนบทหลายแห่งของจีนที่กำลังใช้ประโยชน์จากศักยภาพของการท่องเที่ยวเชิงการศึกษา และเปิดประตูสู่การฟื้นฟูชนบท ข้อมูลแสดงให้เห็นว่า ตลาดที่กำลังเติบโตนี้มีมูลค่าเกือบ 147,000 ล้านหยวน (20,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในปี 2566 และคาดการณ์ว่าจะเติบโตถึง 242,000 ล้านหยวนภายในปี 2569
พื้นที่ชนบทของจีนมีภูมิประเทศที่งดงาม ประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน และวัฒนธรรมพื้นบ้านที่หลากหลาย จึงมีข้อได้เปรียบทางธรรมชาติสำหรับการศึกษาดูงาน
“ดูสิ ฉันจับปูได้!” เด็กสาวคนหนึ่งอุทานในนาข้าวซึ่งใช้เพาะพันธุ์ปู รอยโคลนบนใบหน้าของเธอสะท้อนถึงชัยชนะ
ทุ่งนาในหมู่บ้านโจวเจียจวงในมณฑลเหอเป่ย ทางตอนเหนือของจีน เป็นสถานที่ที่เอื้อต่อการเพาะปลูกข้าวและการเลี้ยงปู นอกจากนี้ยังเป็นจุดหมายสำหรับการศึกษาดูงาน โดยนักศึกษาได้มีโอกาสร่วมปลูกต้นกล้าข้าวและบันทึกอุณหภูมิน้ำที่เหมาะสมสำหรับการเพาะเลี้ยงปู
“มันสนุกมากเลย ตอนนี้ฉันถึงขั้นคิดจะเลี้ยงปูด้วยตัวเองเลย” เด็กชายคนหนึ่งกล่าว
ด้วยประสบการณ์เฉพาะกลุ่มเช่นนี้ นักท่องเที่ยวจำนวนมากที่มาเยือนโจวเจียจวงจึงมีความยินดีที่จะพักค้างคืนที่นั่นนานขึ้น โดยจำนวนการเข้าพักเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน การท่องเที่ยวชนบทกำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่การแวะชมสั้น ๆ ไปจนถึงการดื่มด่ำกับวิถีชีวิตที่เรียบง่าย
แนวโน้มเชิงบวกนี้ยังเกิดจากความก้าวหน้าในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและสภาพแวดล้อมการอยู่อาศัยในพื้นที่ชนบทของจีน ปัจจุบัน หมู่บ้านในเขตปกครองทั่วประเทศกว่า 90% มีเครือข่าย 5G ครอบคลุม และมีการติดตั้งระบบลอจิสติกส์ระดับหมู่บ้านมากกว่า 300,000 แห่ง
ด้วยการสนับสนุนจากรัฐบาลในการกระตุ้นการบริโภคและความพยายามของประเทศในการส่งเสริมการฟื้นฟูชนบทอย่างครอบคลุม ทำให้มีสถานที่ตั้งแคมป์เพื่อการศึกษาดูงานเกิดขึ้นมากมายทั่วชนบทของจีน การใช้ประโยชน์จากทรัพยากรการท่องเที่ยวในท้องถิ่นอย่างเต็มที่ทำให้สถานที่เหล่านี้กลายเป็นรูปแบบใหม่ และเป็นแรงขับเคลื่อนหลักของการฟื้นฟูชนบท
ในมณฑลยูนนาน ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ซึ่งเป็นจุดหมายปลายทางที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว นักท่องเที่ยวต่างให้ความสนใจกับโอกาสในการเรียนรู้งานเซรามิก การทอไม้ไผ่ และงานหัตถกรรมปักผ้าของชนกลุ่มน้อย ในขณะเดียวกัน ที่หมู่บ้านหยีว์ตง ในมณฑลเจ้อเจียง ทางตะวันออกของจีน ซึ่งมีชื่อเสียงด้านศิลปะพื้นบ้าน เหล่านักเดินทาง ศิลปิน และเกษตรกร ต่างมารวมตัวกันเพื่อวาดภาพทิวทัศน์อันงดงาม
ชาวชนบทมีส่วนร่วมอย่างมากในกระแสนี้ และรายได้ของพวกเขาเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจนจากการจำหน่ายอาหารพิเศษและการบริหารจัดการที่พักแบบเกสต์เฮาส์
ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งของตำบลจงอี้ นครฉงชิ่ง ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน การจัดเวิร์กชอปเกี่ยวกับการเต้นรำท้องถิ่น ชา และขนมหวาน ได้สร้างงานมากกว่า 200 ตำแหน่ง และผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ กว่า 20 รายการ เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและเครื่องดื่มน้ำผึ้ง โดยมีอัตราการซื้อซ้ำบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซหลายแห่งสูงถึง 43%
จงอี้เคยเป็นหนึ่งในตำบลที่ยากจนที่สุดในฉงชิ่ง โดยในปี 2562 มีรายได้เฉลี่ยต่อปีในพื้นที่ต่ำกว่า 10,000 หยวน (ประมาณ 45,000 บาท)
ด้วยการใช้ประโยชน์จากรูปแบบ “การท่องเที่ยวผสมผสานการศึกษา” จงอี้บันทึกการเดินทางท่องเที่ยว 189,000 ครั้งในปี 2567 สร้างรายได้ 9.88 ล้านหยวน โดยรายได้เฉลี่ยของประชาชนในท้องถิ่นเพิ่มขึ้นร้อยละ 32 เมื่อเปรียบเทียบกับปี 2563
หลิว เฉิงหยง ไกด์นำเที่ยวเชิงการศึกษา กล่าวว่า “เราได้ออกแบบทัวร์ 10 รายการที่มีเส้นทางที่หลากหลาย โดยเปลี่ยนจงอี้ให้กลายเป็นห้องเรียนเสมือนจริงที่สอนเกี่ยวกับผึ้ง พร้อมนำเสนอการทำฟาร์มแบบดั้งเดิมและประเพณีพื้นบ้าน”
หลิวเป็นชาวจงอี้โดยกำเนิด ในปี 2563 เขากลับมายังบ้านเกิดและเข้าร่วมกลุ่มที่จัดทัศนศึกษา เขานำผู้ประกอบการรุ่นใหม่คนอื่น ๆ เข้าสู่ตลาด และออกแบบโปรแกรมการศึกษาที่น่าสนใจ ปัจจุบัน บริษัทสามารถรองรับผู้เข้าชมได้ 1,300 คนต่อวัน
การเปลี่ยนแปลงของจงอี้ทำให้คนหนุ่มสาวอย่างหลิวกลับสู่บ้านเกิดและเข้ามาช่วยเหลือกันมากขึ้น ในช่วงสามปีที่ผ่านมา เมืองนี้ได้ดึงดูดผู้ประกอบการรุ่นใหม่กว่า 100 ราย ส่งผลให้เกิดงานใหม่ๆ เช่น “ซีอีโอชนบท” และไกด์นำเที่ยวเพื่อการศึกษา
เยาวชนที่กลับมายังพื้นที่ชนบทยังมีบทบาทสำคัญในการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนผู้นำ และนำชีวิตใหม่มาสู่การฟื้นฟูชนบทด้วยมุมมองและปรัชญาทางธุรกิจที่ทันสมัย
หนี่ ชูน่า เกิดในช่วงทศวรรษ 1990 ดำเนินธุรกิจบริษัทเกษตรเชิงนิเวศในเมืองหางโจว เมืองหลวงของมณฑลเจ้อเจียง ด้วยการมองเห็นศักยภาพของการท่องเที่ยวเชิงการศึกษา ทีมงานของหนี่จึงได้ออกแบบกิจกรรมต่าง ๆ เช่น การเก็บผลไม้ ทัวร์สวนผลไม้ และการตั้งแคมป์ชมดาวยามค่ำคืน ทำให้บริษัทของเธอกลายเป็นธุรกิจสันทนาการที่ผสมผสานการจัดเลี้ยง ความบันเทิง และการศึกษาเข้าไว้ด้วยกัน