สินค้าไอพีเชิงวัฒนธรรมในประเทศและเศรษฐกิจกลางคืนส่งเสริมตลาดการท่องเที่ยวของมณฑลกานซู่

(People's Daily Online)วันพุธ 06 สิงหาคม 2025

ท่ามกลางทะเลทรายอันกว้างใหญ่ ขุนเขาและแม่น้ำอันสง่างาม ทางเดินเหอซีได้หล่อเลี้ยงมรดกทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมอันล้ำค่า ด่านเจียอวี้กวนเป็นจุดเริ่มต้นที่อยู่ทางตะวันตกสุดของกำแพงเมืองจีน ถือเป็นป้อมปราการทางทหารโบราณที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีที่สุดตามแนวกำแพงเมืองจีนที่สร้างขึ้นในสมัยราชวงศ์หมิง (ค.ศ. 1368-1644)

ตั้งแต่ปี 2567 จุดชมวิวด่านเจียอวี้กวนได้สร้างวัฒนธรรมที่ผสมผสานทั้งกลางวันและกลางคืน ก่อให้เกิดรูปแบบใหม่ของการผสานรวมทางวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวที่ซึ่งเทคโนโลยีและประวัติศาสตร์ผสานพลังซึ่งกันและกัน โดยนักท่องเที่ยวสามารถปีนช่องเขาในตอนกลางวัน และสัมผัสกำแพงเมืองจีนในยามค่ำคืน

"กำแพงของด่านเจียอวี้กวนเปรียบเสมือนผืนผ้าใบฉายภาพธรรมชาติสำหรับความคิดสร้างสรรค์ด้านวัฒนธรรมดิจิทัล เราหวังว่าเรื่องราว บุคคล อารมณ์ และวัฒนธรรมที่หยั่งรากลึกในเจียอวี้กวนจะทำให้วัฒนธรรมกำแพงเมืองจีนเป็นที่ประจักษ์ น่าจดจำ และสืบทอดได้" ผู้อำนวยการกล่าวเสริม

ข้อมูลจากรัฐบาลมณฑลกานซู่ระบุว่า ในปี 2567 จุดชมวิวเจียอวี้กวนมีนักท่องเที่ยวมาเยือนราว 3.79 ล้านคน เพิ่มขึ้น 34.74% จากปีก่อน โปรแกรมทัวร์กลางคืนช่วยให้จุดชมวิวแห่งนี้มีจำนวนนักท่องเที่ยวสูงสุดในหนึ่งวันถึง 53,000 คน

การเปลี่ยนจาก "สไตล์เช็คอิน" ไปสู่ "สไตล์สัมผัสประสบการณ์" ของ "เศรษฐกิจกลางคืน" บนเส้นทางสายไหมโบราณนี้เต็มไปด้วยผู้โดยสารขาเข้าที่มั่นคง บรรยากาศและประสบการณ์ใหม่ ๆ ได้เปลี่ยนผู้คนที่เดินทางผ่านไปมาให้กลายเป็นนักท่องเที่ยวที่พำนักระยะยาว

เมืองตุนหวงในมณฑลกานซู่ถือเป็นจุดสำคัญสูงสุดของการหลอมรวมทางวัฒนธรรมตะวันออกและตะวันตก หลังจากความสำเร็จอย่างงดงามของละครระบำกลุ่มชาติพันธุ์เรื่อง Flower Rains Along the Silk Road และละครระบำถ้ำโบราณ Ancient Sound of Dunhuang ก็กลายเป็นปรากฏการณ์ที่สร้างความฮือฮา เปิดโอกาสให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสเสน่ห์แห่งศิลปะของตุนหวง ทั้งการเต้นรำ ดนตรี บทกวี และภาพวาด

แต่เดิมถ้ำมั่วเกา (Mogao Caves) ประกอบด้วยอุโมงค์ 735 แห่ง แต่ทีมผู้สร้างละครได้สร้างถ้ำหมายเลข 736 ขึ้น โดยจำลองรูปแบบอันเป็นเอกลักษณ์ภายในถ้ำ และสร้างชีวิตชีวาให้กับฉากการเต้นรำและดนตรีจากภาพจิตรกรรมฝาผนังโบราณ มอบประสบการณ์การชมละครถ้ำแบบอินเทอร์แอคทีฟที่สมจริงให้กับนักท่องเที่ยว

การเยี่ยมชมถ้ำมั่วเกาในช่วงกลางวันและการเข้าชมโรงละครในช่วงกลางคืนได้กลายเป็นทางเลือกด้านการท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอย่างมากในเมืองตุนหวง ข้อมูลระบุว่านับตั้งแต่การแสดงครั้งแรกในเดือนมิถุนายน 2566 โรงละครเสียงโบราณแห่งตุนหวงได้ต้อนรับนักท่องเที่ยวมากกว่า 700,000 คน

รายงานการพัฒนาเศรษฐกิจยามค่ำคืนประจำปี 2567 ที่เผยแพร่โดยสถาบันการท่องเที่ยวแห่งประเทศจีน (China Tourism Academy) ระบุว่า การใช้จ่ายด้านการท่องเที่ยวยามค่ำคืนภายในประเทศจีนในปี 2567 คาดว่าจะสูงถึง 1.91 ล้านล้านหยวน ซึ่งเพิ่มขึ้น 21.7% เมื่อเปรียบเทียบกับปีก่อนหน้า ความต้องการการท่องเที่ยวยามค่ำคืนยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง และอุปทานก็กำลังตอบสนองอย่างแข็งขัน

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา สินค้าทรัพย์สินทางปัญญา (ไอพี) เชิงวัฒนธรรม เช่นป้ายและบัตร ซึ่งรู้จักกันในชื่อ "สินค้า" (หรือ "กู่จึ" ในภาษาจีน ซึ่งพ้องเสียงมาจาก goods ในภาษาอังกฤษ) ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่คนหนุ่มสาวทั้งทางออนไลน์และออฟไลน์ การเพิ่มขึ้นของทรัพย์สินทางปัญญาในประเทศจีนยิ่งเป็นแรงผลักดันให้สินค้าที่ออกแบบเองในประเทศได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างมาก

ที่ร้านหนังสือตุนหวง ช่องทางการขายแบบออฟไลน์สำหรับสินค้าที่ผลิตในประเทศ เช่น ป้ายและบัตรสะสม ล้วนมีการผสมผสานองค์ประกอบทางศิลปะอันโดดเด่นเฉพาะตัวของตุนหวงอย่างลงตัว

ด้วยการออกแบบที่โดดเด่นและความสะดวกในการพกพาทำให้ยอดขายสินค้าตุนหวงที่ผลิตภายในประเทศในปัจจุบันอยู่ในอันดับหนึ่ง ผู้บริโภคหลักของสินค้าดังกล่าวคือคนหนุ่มสาวอายุ 18 ถึง 35 ปี พวกเขามีความกระตือรือร้นในการสะสม "สินค้า" ที่มีเอกลักษณ์หลากหลายประเภท และชอบแบ่งปันบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ซึ่งถือเป็นการส่งเสริมการเผยแพร่วัฒนธรรม

ข้อมูลแสดงให้เห็นว่า ขนาดของตลาด "เศรษฐกิจกู่จึ" ของจีนในปี 2567 พุ่งสูงถึง 168,900 ล้านหยวน และคาดว่าในปี 2572 จะสูงเกิน 300,000 ล้านหยวน แนวโน้มการบริโภคที่สะท้อนโดย "เศรษฐกิจกู่จึ" ยังสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนถึงวัฒนธรรมที่สนับสนุนเศรษฐกิจอีกด้วย

จากตลาดศิลปะที่เจริญรุ่งเรืองไปจนถึง "เศรษฐกิจสินค้า" ที่กำลังขยายตัว ความมั่งคั่งของตลาดการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมไม่ได้จำกัดอยู่เพียงแค่ร้านอาหารเท่านั้น การบริโภคซึ่งเป็นกลไกขับเคลื่อนหลักของการเติบโตทางเศรษฐกิจเป็นดั่งมาตรวัดความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน

เศรษฐกิจการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมจะสร้างแรงผลักดันและความมีชีวิตชีวาใหม่ ๆ ให้กับตลาดการบริโภคภายในประเทศ ด้วยรูปแบบและฉากธุรกิจใหม่ๆ ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องพร้อมกับกระแสการบริโภคนี้