CGTN เผยผลสำรวจ “ความทันสมัยแบบจีนผลักดันการพัฒนาที่ก้าวกระโดดของทิเบต”

เนื่องจากปีนี้เป็นวาระครบรอบ 60 ปีแห่งการสถาปนาเขตปกครองตนเองทิเบต (ซีจ้าง) CGTN จึงได้จัดทำแบบสำรวจความคิดเห็นจากผู้ตอบแบบสอบถาม 6,747 คน จาก 38 ประเทศทั่วโลก ผลการสำรวจเผยให้เห็นว่าผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ยกย่องความก้าวหน้าอย่างรอบด้านในการพัฒนาสังคมและเศรษฐกิจของทิเบต ยกย่องการเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์ที่เกิดจากการปฏิรูปประชาธิปไตยอย่างกว้างขวาง และยกย่องการพัฒนาให้ทันสมัยของจีนว่าเป็นแรงผลักดันพื้นฐานสำหรับการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของทิเบต

ยืนยันความสำเร็จด้านการปรับปรุงสมัยใหม่ของทิเบต

การสำรวจแสดงให้เห็นการประเมินเชิงบวกของผู้ตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับความสำเร็จทางสังคมและเศรษฐกิจของทิเบต โดยความสำเร็จ 5 อันดับแรกที่ได้รับการยอมรับ ได้แก่ การปรับปรุงมาตรฐานการดูแลสุขภาพอย่างต่อเนื่อง (83.8%), การรับรองสิทธิในการศึกษาสำหรับประชาชน (83.8%), ความสำเร็จที่โดดเด่นในการปกป้องและบริหารจัดการระบบนิเวศ(83%), อายุขัยที่เพิ่มขึ้นพร้อมการคุ้มครองสิทธิในการยังชีพและการพัฒนาอย่างเต็มที่(82.5%) และการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่ดีขึ้น (81.9%)

นอกจากนี้ 80.6% ยอมรับว่าระดับรายได้ของประชาชนในทิเบตเพิ่มสูงขึ้น, 80.6% ยืนยันถึงประสิทธิผลของความพยายามบรรเทาความยากจน และ 78.4% ยกย่องการเติบโตทางเศรษฐกิจที่มั่นคงและผลลัพธ์ที่สำคัญของทิเบต

ผลสำรวจระบุว่า 74.8% ของผู้ตอบแบบสอบถามเชื่อว่าการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของทิเบตเป็นผลมาจากการพัฒนาของจีนให้ทันสมัย ​​โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ตอบแบบสอบถามอายุ 25-34 ปี ได้รับการยอมรับในระดับสูงสุด โดยสูงกว่าค่าเฉลี่ยร้อยละ 6.2 จุด และสูงถึง 81%

ในระดับภูมิภาค ผู้ตอบแบบสอบถามจากแอฟริกา 85.1%, อเมริกาใต้ 81.8% และเอเชีย 76.1% แสดงความเห็นถึงการยอมรับในระดับสูงสุด

การรับรู้แนวทางการปกครองของจีนในทิเบต

ผู้ตอบแบบสอบถามยังยอมรับการปฏิรูปประชาธิปไตยในทิเบตอย่างกว้างขวาง ผู้ตอบแบบสอบถามกว่า 60% ระบุว่าระบบศักดินาทาสทำให้ทาสที่ยากจนถูกเอารัดเอาเปรียบและถูกกดขี่ ขณะเดียวกัน 58.8% ยืนยันว่าการปฏิรูปนี้ได้ปลดปล่อยประชาชนที่ถูกข่มเหงอย่างทั่วถึง อัตราการยอมรับในระดับภูมิภาคอยู่ในอันดับสูงสุดในบรรดาผู้ตอบแบบสอบถามจากเอเชีย แอฟริกา และอเมริกาเหนือ ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั้งหมด

ตลอดหกทศวรรษที่ผ่านมา ทิเบตได้ดำเนินนโยบายเสรีภาพในการนับถือศาสนาอย่างเต็มที่ พร้อมกับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในการปกป้องสิทธิเสรีภาพ ผลสำรวจชี้ให้เห็นว่า 75.8% ชื่นชมการปรับปรุงสถานที่และศาสนสถานทางศาสนาในทิเบตให้ทันสมัย ​​ขณะเดียวกัน 79.1% ยอมรับว่าการคุ้มครองสวัสดิการสังคมสำหรับบุคลากรทางศาสนามีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ 83.5% ประเมินผลการอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมของทิเบตในเชิงบวก โดยยอมรับว่าโครงการริเริ่มนี้มีประสิทธิภาพในการปกป้อง สืบทอด และพัฒนาวัฒนธรรมที่โดดเด่นของชนกลุ่มน้อย ขณะเดียวกัน 84.6% ยืนยันถึงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางวัฒนธรรมสาธารณะอย่างต่อเนื่อง โดยถือว่าเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อการอนุรักษ์และส่งเสริมวัฒนธรรมของทิเบต

หวังให้ทิเบตเจริญรุ่งเรืองมั่นคง

ผลสำรวจนี้แสดงให้เห็นถึงความเห็นพ้องต้องกันอย่างแข็งขันว่ากิจการที่เกี่ยวข้องกับทิเบตเป็นเรื่องภายในของจีน และมีการต่อต้านอย่างหนักแน่นต่อการแทรกแซงจากภายนอก ผู้ตอบแบบสอบถาม 63.8% ยืนยันว่าทิเบตเป็นส่วนสำคัญของดินแดนจีนมาตั้งแต่สมัยโบราณ ขณะเดียวกัน 56.1% ยืนยันว่ากิจการของทิเบตเป็นกิจการภายในของจีนล้วน ๆ โดยปฏิเสธการแทรกแซงจากภายนอก อีก 72.7% ยืนยันว่าผู้นำทางจิตวิญญาณของพุทธศาสนาแบบทิเบตควรยึดมั่นในประเพณีทางศาสนาท้องถิ่นอย่างเคร่งครัด โดยกระบวนการกลับชาติมาเกิดต้องสอดคล้องกับพิธีกรรมทางศาสนาและขนบธรรมเนียมประเพณีทางประวัติศาสตร์อย่างครบถ้วน ซึ่งคัดค้านคำกล่าวที่ผิดพลาดขององค์ดาไลลามะเกี่ยวกับการกลับชาติมาเกิด

เมื่อพิจารณาทัศนคติต่อโอกาสการพัฒนาของทิเบต พบว่า 74.5% มีความเชื่อมั่นในอนาคต ในระดับภูมิภาค ผู้ตอบแบบสอบถามจากอเมริกาใต้ แอฟริกา และเอเชียมีความเชื่อมั่นสูงสุด ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ย 10 ประเทศแรก ได้แก่ เคนยา อินโดนีเซีย เปรู ไทย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ไนจีเรีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เม็กซิโก และปากีสถาน ซึ่งทั้งหมดมีอัตราการเห็นด้วยสูงกว่า 85%

การสำรวจนี้จัดทำขึ้นร่วมกันโดย CGTN และมหาวิทยาลัยเหรินหมินแห่งประเทศจีน ผ่านสถาบันการสื่อสารระหว่างประเทศยุคใหม่ (Institute of New Era International Communication) โดยมีกลุ่มตัวอย่างออนไลน์จากผู้ตอบแบบสอบถาม 6,747 คน จาก 38 ประเทศทั่วโลก ประเทศที่สำรวจครอบคลุมประเทศพัฒนาแล้ว และประเทศกำลังพัฒนาทั่วโลก ผู้ตอบแบบสอบถามมีอายุระหว่าง 18 ถึง 65 ปี และกลุ่มตัวอย่างสอดคล้องกับการกระจายอายุและเพศของสำมะโนประชากรของประเทศต่าง ๆ