จีนรำลึก 80 ปีแห่งประวัติศาสตร์ความสำเร็จเพื่อสันติภาพ
การประดับซุ้มดอกไม้ที่เจี้ยนกั๋วเหมินในกรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของจีน ภาพถ่ายเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2568 (ซินหัว)
สุภาษิตจีนโบราณกล่าวไว้ว่า “อย่าทำกับผู้อื่นในสิ่งที่คุณไม่ต้องการให้เกิดขึ้นกับตนเอง” ชาวจีนได้ผ่านพ้นการรุกรานและการกดขี่ข่มเหงมามากมาย และหันมายึดมั่นในพันธสัญญาที่เข้มแข็งยิ่งขึ้นเพื่อสันติภาพและความยุติธรรม
เนื่องในโอกาสครบรอบ 80 ปี ชัยชนะในสงครามประชาชนจีนต่อต้านการรุกรานของญี่ปุ่น และสงครามต่อต้านลัทธิฟาสซิสต์โลกในการยกย่องประวัติศาสตร์และผู้เสียชีวิต และยืนยันการแสวงหาสันติภาพและความยุติธรรม
80 ปีก่อน ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ยากลำบากอย่างยิ่ง ชาวจีนผู้กล้าหาญได้ต่อสู้และได้รับชัยชนะในสงครามอันน่าเกรงขามจากการรุกรานของญี่ปุ่น มีทหารและพลเรือนชาวจีนเสียชีวิตหรือได้รับบาดเจ็บในสงครามมากกว่า 35 ล้านคน ทิ้งมรดกแห่งการเสียสละเพื่อสันติภาพโลกไว้เบื้องหลัง
ชัยชนะครั้งนี้ถือเป็นจุดเปลี่ยน สำหรับประเทศจีน ชัยชนะครั้งนี้ถือเป็นการยุติวงจรแห่งความเสื่อมถอยที่ยาวนานร่วมศตวรรษ และเปิดประตูสู่การฟื้นฟู สำหรับโลก ชัยชนะครั้งนี้ถือเป็นการรับประกันความพ่ายแพ้ของลัทธิฟาสซิสต์
สุภาษิตจีนโบราณกล่าวไว้ว่า “อย่าทำกับผู้อื่นในสิ่งที่คุณไม่ต้องการให้เกิดขึ้นกับตนเอง” ชาวจีนได้ผ่านพ้นการรุกรานและการกดขี่ข่มเหงมามากมาย และหันมายึดมั่นในพันธสัญญาที่เข้มแข็งยิ่งขึ้นเพื่อสันติภาพและความยุติธรรม
ในการประชุมบันดุง ปี 1955 จีนได้นำเสนอแนวทาง “แสวงหาจุดร่วมระงับความแตกต่าง” เพื่อส่งเสริมความสามัคคีและความร่วมมือระหว่างประเทศที่เพิ่งได้รับเอกราช การประชุมครั้งนี้เป็นสัญญาณของการตื่นตัวทางการเมืองของโลกกำลังพัฒนา และแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของจีนในการส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างประเทศที่เท่าเทียมกันมากขึ้น
ในฐานะสมาชิกถาวรของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ จีนมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการไกล่เกลี่ยประเด็นปัญหาสำคัญ ส่งเสริมการยุติความแตกต่างและข้อพิพาทระหว่างประเทศอย่างสันติ และเป็นผู้สร้างสรรค์สันติภาพโลกมาโดยตลอด จีนยึดมั่นในระบบระหว่างประเทศที่มีสหประชาชาติเป็นศูนย์กลาง และทำงานอย่างแข็งขันเพื่อระเบียบระหว่างประเทศที่ยุติธรรมและเท่าเทียมยิ่งขึ้น
ในช่วงหลายทศวรรษที่ผ่านมา การพัฒนาอย่างรวดเร็วของจีนได้สร้างโอกาสให้กับโลกในวงกว้าง นับตั้งแต่การปฏิรูปและเปิดกว้าง เศรษฐกิจของจีนเติบโตมากกว่า 300 เท่า กลายเป็นเศรษฐกิจที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลก เป็นเวลาหลายปีที่จีนมีส่วนช่วยต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกประมาณร้อยละ 30 ต่อปี ในยุคโลกาภิวัตน์ทางเศรษฐกิจ จีนไม่เพียงแต่ได้รับประโยชน์เท่านั้น แต่ยังเป็นผู้ส่งเสริมและมีส่วนร่วมสำคัญในการสร้างความเจริญรุ่งเรืองของโลกอีกด้วย
ขณะเดียวกัน ชาวจีนเกือบ 800 ล้านคนได้หลุดพ้นจากความยากจน คิดเป็นสามในสี่ของการลดความยากจนทั่วโลกในช่วงเวลาเดียวกัน ในฐานะประเทศกำลังพัฒนาที่ใหญ่ที่สุดในโลกและเป็นสมาชิกของประเทศในกลุ่มโลกใต้ จีนเชื่อมโยงการพัฒนาของตนเองอย่างใกล้ชิดกับความฝันในการฟื้นฟูของประเทศกำลังพัฒนาจำนวนมหาศาล
ข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (BRI) ได้เชื่อมโยงเอเชีย แอฟริกา ละตินอเมริกา หมู่เกาะแปซิฟิก และประเทศอื่นๆ เข้ากับโอกาสการพัฒนาใหม่ๆ ถนน ทางรถไฟ ท่าเรือ และโครงการพลังงานต่างนำมาซึ่งประโยชน์ที่เป็นรูปธรรม ขณะที่โครงการฝึกอบรมและนวัตกรรมดิจิทัลได้เปิดเส้นทางใหม่สู่การพัฒนาความทันสมัย
โลกทุกวันนี้กำลังเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่ไม่เคยพบเห็นมาก่อนในรอบศตวรรษ การฟื้นตัวของโลกยังคงเปราะบาง ช่องว่างการพัฒนากำลังกว้างขึ้น ปัญหาสิ่งแวดล้อมกำลังเลวร้ายลง และทัศนคติแบบสงครามเย็นยังคงอยู่ ท่ามกลางสถานการณ์เช่นนี้ คำถามสำคัญที่ทุกประเทศกำลังเผชิญคือ เราควรสร้างโลกแบบไหน และจะสร้างอย่างไร
จีนได้เสนอวิสัยทัศน์ในการสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันสำหรับมนุษยชาติผ่านข้อริเริ่มต่าง ๆ เช่น BRI, ข้อริเริ่มการพัฒนาโลก, ข้อริเริ่มความมั่นคงโลก, ข้อริเริ่มอารยธรรมโลก และข้อริเริ่มธรรมาภิบาลโลก จีนส่งเสริมความร่วมมือด้านการเติบโต สันติภาพ และความมั่นคง รวมถึงการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชน ความพยายามของจีนสะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการมีส่วนร่วม ผลประโยชน์ร่วมกัน และการเคารพความหลากหลาย และได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวางจากนานาชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา
ความมุ่งมั่นอันแน่วแน่ของจีนในการพัฒนาอย่างสันติและความร่วมมือที่ทุกฝ่ายได้ประโยชน์นั้นหยั่งรากลึกในอารยธรรมเก่าแก่นับพันปี ประวัติศาสตร์แสดงให้เห็นว่ากระแสสันติภาพและการพัฒนาไม่อาจย้อนกลับได้ จีนจะยึดมั่นในเส้นทางการพัฒนาอย่างสันติและทำงานอย่างหนักเพื่อสร้างอนาคตที่สดใสร่วมกันกับทุกประเทศ