ดัชนีองค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลกระบุ จีนขยับขึ้นสู่ 10 อันดับแรกของนวัตกรรมระดับโลก

โมดูลการชาร์จที่ทำจากซิลิกอนคาร์ไบด์และตัวควบคุมมอเตอร์ขับเคลื่อนสำหรับยานยนต์พลังงานใหม่ของบริษัท Gree
Electric Appliances Inc. ในเมืองจูไห่ มณฑลกวางตุ้ง ทางตอนใต้ของจีน เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2568 (ซินหัว)
จีนขยับขึ้นมาอยู่อันดับที่ 10 ในการจัดอันดับนวัตกรรมระดับโลกประจำปี 2568 สูงขึ้นหนึ่งอันดับจากปีก่อนหน้า ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่จีนติดอันดับ 10 อันดับแรก ตามรายงานขององค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO) เมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
รายงานดัชนีการสร้างสรรค์นวัตกรรมระดับโลก (GII) ปี 2568 ที่เผยแพร่โดย WIPO ประเมินประสิทธิภาพด้านนวัตกรรมของเศรษฐกิจเกือบ 140 แห่งโดยใช้ตัวบ่งชี้ประมาณ 80 ตัว รวมถึงการใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) ข้อตกลงการร่วมลงทุน (Venture Capital) การส่งออกเทคโนโลยีขั้นสูง และการยื่นเอกสารทรัพย์สินทางปัญญา
ในอันดับที่ประกาศล่าสุด สวิตเซอร์แลนด์อยู่อันดับสูงสุด ตามมาด้วยสวีเดน สหรัฐอเมริกา สาธารณรัฐเกาหลี สิงคโปร์ สหราชอาณาจักร ฟินแลนด์ เนเธอร์แลนด์ เดนมาร์ก และจีน
รายงานยังเน้นย้ำว่า จีนยังคงรักษาความเป็นผู้นำในกลุ่มประเทศรายได้ปานกลางทั่วโลก และแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่องในด้านการใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนา การส่งออกเทคโนโลยีขั้นสูง และผลผลิตด้านนวัตกรรม จีนครองตำแหน่งคลัสเตอร์นวัตกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี 100 อันดับแรกของโลกเป็นปีที่สามติดต่อกัน โดยมี 24 คลัสเตอร์ที่อยู่ในดัชนีปี 2568 คลัสเตอร์เซินเจิ้น-ฮ่องกง-กว่างโจว ครองตำแหน่งอันดับหนึ่งของโลกเป็นครั้งแรก

หุ่นยนต์ฮิวแมนนอยด์เดินนอกพื้นที่จัดแสดงนิทรรศการเทคโนโลยีในระหว่างการประชุม Inclusion Conference on
the Bund 2025 ที่เซี่ยงไฮ้ ทางตะวันออกของจีน เมื่อวันที่ 10 กันยายน 2568 (ซินหัว)
ในรายงาน GII 2025 ประเทศที่มีรายได้น้อยและปานกลาง 17 ประเทศมีผลการดำเนินงานด้านนวัตกรรมสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยอินเดียและเวียดนามเป็นประเทศที่มีผลการดำเนินงานด้านนวัตกรรมสูงกว่าที่ดำเนินมายาวนานที่สุด ภูมิภาคแอฟริกาใต้สะฮาราเป็นผู้นำในด้านจำนวนเศรษฐกิจที่มีผลการดำเนินงานด้านนวัตกรรมสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ นำโดยแอฟริกาใต้ เซเนกัล และรวันดา
ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เอเชียตะวันออก และโอเชียเนีย ยังคงเป็นพลังขับเคลื่อนด้านนวัตกรรมระดับโลกในปี 2568 โดยมีเศรษฐกิจ 6 แห่งติดอันดับ 25 อันดับแรก
นอกเหนือจากการจัดอันดับนวัตกรรมแล้ว รายงานฉบับปี 2568 ยังแสดงให้เห็นประสิทธิภาพที่ไม่สม่ำเสมอในตัวชี้วัดชั้นนำของกิจกรรมนวัตกรรมในอนาคต
การเติบโตของงานวิจัยและพัฒนาในปี 2567 ร่วงลงสู่ระดับต่ำสุดนับตั้งแต่วิกฤตการณ์ทางการเงินปี 2553 ภาวะเงินเฟ้อที่ยังคงต่อเนื่องส่งผลให้การเติบโตที่แท้จริงของค่าใช้จ่ายด้านงานวิจัยและพัฒนาของธุรกิจชะลอตัวลงเหลือ 1% ซึ่งต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในช่วงทศวรรษที่ผ่านมาที่ 4.6% บริษัทที่เกี่ยวข้องกับไอซีที โดยเฉพาะภาคส่วนที่ใช้ AI เป็นหลัก บริษัทซอฟต์แวร์ และบริษัทยาได้เพิ่มงบประมาณด้านงานวิจัยและพัฒนา ขณะที่ภาคการผลิต เช่น ยานยนต์และสินค้าอุปโภคบริโภค ได้ลดงบประมาณด้านงานวิจัยและพัฒนาลงท่ามกลางรายได้ที่ลดลง

ยานพาหนะที่ติดตั้งแชสซีอัจฉริยะ ณ พื้นที่ห่วงโซ่ยานยนต์อัจฉริยะในงานมหกรรมห่วงโซ่อุปทานนานาชาติจีน (CISCE)
ครั้งที่ 3 ณ กรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของจีน เมื่อวันที่ 18 กรกฎาคม 2568 (ซินหัว)
ธุรกิจการร่วมลงทุนในปี 2567 ฟื้นตัว โดยมูลค่าธุรกรรมเติบโต 7.7% ส่วนใหญ่ได้รับแรงหนุนจากข้อตกลงขนาดใหญ่ในสหรัฐอเมริกาและการลงทุนด้าน AI เชิงสร้างสรรค์ที่เพิ่มสูงขึ้น อย่างไรก็ตาม หากไม่รวมด้านเหล่านี้ มูลค่าการร่วมลงทุนอาจหดตัวลง
ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี ซึ่งเป็นมิติที่ครอบคลุมอยู่ในรายงาน GII Global Innovation Tracker ยังคงแข็งแกร่ง โดยราคาแบตเตอรี่และประสิทธิภาพของซูเปอร์คอมพิวเตอร์ปรับปรุงดีขึ้น ขณะที่ต้นทุนการจัดลำดับจีโนมลดลงอีก
องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลกระบุว่า “อย่างไรก็ตาม นวัตกรรมไม่ได้หยุดนิ่ง หากแต่กำลังปรับเทียบใหม่ ความก้าวหน้าใหม่ ๆ ยังคงเข้าถึงผู้คนทั่วโลก ตั้งแต่ซูเปอร์คอมพิวเตอร์สีเขียวและปัญญาประดิษฐ์ไปจนถึงแบตเตอรี่ที่ชาญฉลาดขึ้น อินเทอร์เน็ตที่เร็วขึ้น และการดูแลรักษาโรคมะเร็งที่ดีขึ้น”
ดาเรน ถาง ผู้อำนวยการใหญ่องค์การทรัพย์สินทางปัญญาโลก (WIPO) กล่าวในข่าวประชาสัมพันธ์ว่า “แม้ว่าเราจะเห็นสัญญาณการฟื้นตัวที่น่าพอใจในด้านต่าง ๆ เช่น การนำนวัตกรรมมาใช้และผลกระทบ แต่กลไกขับเคลื่อนนวัตกรรมระดับโลกยังไม่สามารถทำงานได้อย่างเต็มที่ การเติบโตที่ช้าลงของการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนา และกิจกรรมการร่วมลงทุนที่ลดลง เตือนให้เราตระหนักว่านวัตกรรมจำเป็นต้องอาศัยความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องทั้งในด้านต้นน้ำและด้านการเงิน”