การทำงานในจีนต้องพัฒนาต่อยอดและปรับตัวอย่างต่อเนื่อง
เซี่ยเหมินในเดือนกันยายนมีอากาศชื้น แต่ศูนย์แสดงสินค้าริมน้ำที่สร้างเป็นกล่องกระจกติดแอร์แวววาว ตลอดสี่วันที่เมืองนี้ให้ความรู้สึกเหมือนเป็นเมืองเล็ก ๆ ของตัวเอง แต่ละประเทศมีถนนจำลอง บูธต่าง ๆ เต็มไปด้วยคิวอาร์โค้ด และพาวิลเลียนต่าง ๆ สว่างไสวด้วยป้ายไฟ LED
งานแสดงสินค้าเพื่อการลงทุนและการค้าระหว่างประเทศของจีน (China International Fair for Investment and Trade หรือ CIFIT) ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 25 ระหว่างวันที่ 8-11 กันยายน ได้พลิกโฉมเซี่ยเหมิน เมืองท่องเที่ยวในมณฑลฝูเจี้ยน ให้กลายเป็นศูนย์รวมของทุนและแนวคิดระดับโลกอีกครั้ง
งานแสดงสินค้านี้เติบโตจากงานระดับภูมิภาคในมณฑลฝูเจี้ยนในช่วงทศวรรษ 1980 สู่หนึ่งในแพลตฟอร์มการลงทุนชั้นนำของโลก ในปี 2540 เมื่องานได้กลายเป็นงานระดับประเทศ พื้นที่จัดแสดงนิทรรศการมีขนาดไม่ถึง 30,000 ตารางเมตร แต่ปัจจุบันมีพื้นที่ 120,000 ตารางเมตร โดยมีคณะผู้แทนจากประเทศและภูมิภาคกว่า 120 แห่งเข้าร่วม
ตลอดประวัติศาสตร์ที่ผ่านมา มีการลงนามโครงการเข้าสู่จีนไปแล้วราว 30,000 โครงการ คิดเป็นมูลค่ากว่า 4 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ ตัวเลขเหล่านี้น่าประทับใจ แต่สิ่งที่ยังคงติดค้างหลังจากงานเดือนกันยายนไม่ใช่ขนาดของงาน แต่เป็นบรรยากาศในงาน
ผู้บริหารที่ฉันพบไม่ได้มุ่งหวังชัยชนะแบบรวดเร็วทันใจ “นี่ไม่ใช่การวิ่งระยะสั้น แต่มันคือมาราธอน” ผู้บริหารระดับสูงคนหนึ่งจากบริษัทข้ามชาติกล่าว พร้อมเสริมว่า การทำงานในจีนต้องอาศัยความอดทน รวมถึงการพัฒนาต่อยอดและการปรับตัวอย่างต่อเนื่อง นี่เป็นวลีที่ผมเน้นย้ำเสมอ
บริษัทจีนก็กระตือรือร้นที่จะแบ่งปันเรื่องราวในต่างประเทศเช่นกัน ผู้ประกอบการด้านโลจิสติกส์จากเซี่ยเหมินเล่าให้ฉันฟังว่าบริษัทของเขาเปลี่ยนจากการส่งออกเพียงอย่างเดียวมาเป็นการจัดตั้งการดำเนินงานเต็มรูปแบบในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เขาเอ่ยว่า “ไม่ใช่ออกไป แต่เป็นการเข้าไป” ซึ่งเป็นวลีที่สะท้อนถึงการเปลี่ยนแปลงของโลกาภิวัตน์ได้อย่างชัดเจน
งาน CIFIT เน้นเรื่องตัวเลขมาโดยตลอด โดยมีการประกาศข้อตกลงมูลค่า 644,000 ล้านหยวน (90,500 ล้านดอลลาร์) ในปีนี้ แต่สำหรับหลาย ๆ คน การพบปะกันนั้นสำคัญกว่า ระหว่างทางไปหอประชุมต่า งๆ ฉันได้พบกับเว่ย อิงฉี นักศึกษาชั้นปีที่ 4 จากมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีเซี่ยเหมิน ซึ่งกำลังเป็นอาสาสมัครเป็นครั้งที่สอง เธอเล่าถึงความตื่นเต้นของการจัดแสดงเทคโนโลยีใหม่ ๆ ว่า “มีโมเดลเฮลิคอปเตอร์อยู่ในพาวิลเลียนหนึ่ง หรือบางทีอาจเป็นโดรนก็ได้ คุณสามารถเดินเข้าไปใกล้ ๆ แล้วจินตนาการว่าตัวเองอยู่บนฟ้าได้ ทุกปีจะมีสิ่งใหม่ ๆ ให้ค้นพบ”
เครื่องบินที่เธอพูดถึงเป็นส่วนหนึ่งของนิทรรศการแสดงเครื่องบินประหยัดระดับต่ำประจำปีนี้ ซึ่งเป็นประเด็นร้อนในงานฯ ด้วยการออกแบบปีกแบบไฮบริด ทำให้เครื่องบินหนักสองเมตริกตันนี้สามารถบินขึ้น-ลงในแนวดิ่ง บินในแนวนอนด้วยความเร็ว 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และบรรทุกผู้โดยสารได้ห้าคน เครื่องบินลำนี้เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ที่แสดงให้เห็นว่า CIFIT ได้กลายเป็นเวทีสำหรับอุตสาหกรรมเกิดใหม่
อนึ่ง ในงานฯ ปีนี้ สหราชอาณาจักรได้รับเลือกให้เป็นประเทศรับเชิญเกียรติยศ และได้ส่งคณะผู้แทนมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา ในงานที่เต็มไปด้วยผู้คน ณ พาวิลเลียนของสหราชอาณาจักร แมตต์ แจ็คสัน ผู้อำนวยการและหัวหน้าฝ่ายธุรกิจสหราชอาณาจักร-จีน บริษัท KPMG ได้กล่าวว่า เขารู้สึก “ทึ่งกับนวัตกรรมต่าง ๆ ในประเทศจีน” บ่อยครั้ง และที่สำคัญที่สุดคือ ทีมงานรุ่นใหม่ที่อยู่เบื้องหลังความก้าวหน้าเหล่านั้นล้วนแต่เป็นบุคคลรุ่นใหม่
เมื่อถึงพิธีปิด เสียงปรบมือให้กับตัวเลขสัญญาก็แทบจะกลายเป็นเรื่องธรรมดาไปแล้ว สิ่งที่ยังคงดังก้องอยู่ในใจกลับเป็นความรู้สึกที่เงียบงันกว่า นั่นคือ ความเปิดกว้างในที่นี้ไม่ใช่เพียงสโลแกน แต่เป็นวิธีหนึ่งในการดำเนินธุรกิจ
โจว มี่ นักวิจัยอาวุโสประจำสถาบันความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างประเทศแห่งประเทศจีนกล่าวว่า แพลตฟอร์มอย่าง CIFIT มีคุณค่า เพราะเปิดโอกาสให้รัฐบาลและบริษัทต่าง ๆ ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็น สร้างความไว้วางใจ และกำหนดนโยบายที่ทำให้การลงทุนมีความคาดการณ์ได้มากขึ้น เขากล่าวว่าเสถียรภาพเช่นนี้เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งในยุคที่โลกกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอนและกระแสกีดกันทางการค้าที่เพิ่มสูงขึ้น