บริษัทด้านเทคโนโลยีการศึกษาในจีนทุ่มงบมหาศาลกับโซลูชันการเรียนรู้ AI

อิทธิพลของปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในระบบการศึกษาของจีนที่เพิ่มมากขึ้นกำลังสร้างโอกาสมากมายให้กับบริษัทเทคโนโลยีการศึกษาในประเทศ รวมถึงยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีการศึกษาอย่าง Gaotu Group เพื่อใช้ประโยชน์จากความต้องการโซลูชันการเรียนรู้ที่ขับเคลื่อนด้วย AI

หลัว ปิน ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัท Gaotu กล่าวว่า การบูรณาการ AI อย่างรวดเร็วในระบบอุดมศึกษาของจีนไม่เพียงแต่เป็นวิวัฒนาการทางเทคโนโลยีเท่านั้น แต่ยังสร้างโอกาสทางธุรกิจที่ชัดเจนและมหาศาลสำหรับบริษัทเทคโนโลยีการศึกษาในประเทศ

เขากล่าวว่า เนื่องจาก AI เข้ามามีบทบาทในการกำหนดภูมิทัศน์ทางการศึกษาจีนมากขึ้น บริษัทต่าง ๆ เช่น บริษัทของเราจึงต้องการมอบประสบการณ์และเครื่องมือการเรียนรู้ที่พัฒนาและปรับปรุงด้วย AI เพื่อตอบสนองความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของทั้งสถาบันและนักเรียน

Gaotu Group ประกาศจัดตั้ง “ห้องปฏิบัติการร่วมด้านการศึกษาอัจฉริยะ AI ระหว่างมหาวิทยาลัยเหรินหมินแห่งประเทศจีนและ Gaotu” โดยร่วมมือกับสถาบันปัญญาประดิษฐ์ Gaoling แห่งมหาวิทยาลัยเหรินหมินแห่งประเทศจีนเมื่อเดือนกันยายน

ความร่วมมือดังกล่าวมีจุดมุ่งหมายเพื่อบูรณาการแนวทางปฏิบัติทางอุตสาหกรรมและข้อได้เปรียบด้านการวิจัยทางวิชาการให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยจะร่วมกันสำรวจแนวคิดใหม่ของการศึกษาด้าน AI ที่เน้นการใช้เหตุผลเชิงลึก และการดึงข้อมูลโมเดลขนาดใหญ่และตัวแทนอัจฉริยะที่ได้รับการปรับปรุง

หลัวกล่าวว่า “มหาวิทยาลัยต่าง ๆ ของจีนได้เปลี่ยนแปลงไปสู่หลักสูตรที่ผสานรวม AI ถือเป็นสัญญาณที่ชัดเจนสำหรับตลาดเทคโนโลยีการศึกษา สิ่งนี้บอกเราว่าการลงทุนของเราในศักยภาพ AI และระบบการศึกษาไม่เพียงแต่เป็นการเตรียมพร้อมสำหรับอนาคตเท่านั้น แต่ยังเป็นการตอบโจทย์ความต้องการในปัจจุบันที่กำลังเติบโต ซึ่งสร้างโอกาสสำคัญ”

หวัง เสี่ยวหู รองอธิการบดีมหาวิทยาลัยเหรินหมินแห่งประเทศจีนกล่าวว่า การบูรณาการ AI อย่างลึกซึ้งในระบบการศึกษาทำให้การใช้งานและการนำสถานการณ์การศึกษาเชิงนวัตกรรมต่าง ๆ ไปใช้ได้อย่างแพร่หลายและรวดเร็ว

ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมเชื่อว่า โมเดล AI กำลังถูกบูรณาการเข้ากับบริการด้านการศึกษาและการสอนพิเศษในอัตราที่รวดเร็วขึ้น ซึ่งขับเคลื่อนโดยความทะเยอทะยานของชาติจีนในการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและความปรารถนาอันแรงกล้าของผู้ปกครองที่จะส่งเสริมความสำเร็จของบุตรหลานของตน

การสำรวจล่าสุดที่ดำเนินการโดยสถาบัน MyCos ซึ่งเป็นหน่วยงานวิจัยการศึกษาระดับสูงของจีน ระบุว่า AI เชิงสร้างสรรค์ได้รับการนำไปใช้อย่างแพร่หลายในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ และเกือบ 60% กล่าวว่าพวกเขาใช้เครื่องมือเหล่านี้บ่อยครั้ง ทุกวันหรือหลายครั้งต่อสัปดาห์

หลัวกล่าวว่า มหาวิทยาลัยชั้นนำของจีน เช่น มหาวิทยาลัยเหรินหมิน ได้เปิดตัวหลักสูตร AI ที่เปิดรับนักศึกษาทุกคน ซึ่งแสดงถึงความมุ่งมั่นระดับชาติในการพัฒนาความรู้ด้าน AI ในทุกด้านของการศึกษา

รายงานของสถาบันปัญญาประดิษฐ์ที่เน้นมนุษย์เป็นศูนย์กลางของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดเกี่ยวกับทัศนคติของ AI ทั่วโลกเผยให้เห็นว่า จีนเป็นผู้นำโลกในด้านความกระตือรือร้นในด้าน AI โดยผู้ตอบแบบสอบถามชาวจีนประมาณ 80% แสดงความตื่นเต้นเกี่ยวกับบริการ AI ใหม่ ๆ ซึ่งเป็นอัตราที่สูงกว่าในสหรัฐอเมริกาและสหราชอาณาจักรอย่างมีนัยสำคัญ โดยอยู่ที่ 35% และ 38% ตามลำดับ

ในปีที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยชั้นนำของจีนส่วนใหญ่ได้เพิ่มชั้นเรียนการศึกษาทั่วไปด้าน AI แบบสหวิทยาการ โปรแกรมปริญญาที่เกี่ยวข้องกับ AI และโมดูลความรู้ด้าน AI

มหาวิทยาลัยชิงหัวกำลังจัดตั้งวิทยาลัยระดับปริญญาตรีแห่งใหม่ที่มุ่งเน้นในการฝึกอบรมนักศึกษาในด้าน AI ควบคู่ไปกับสาขาวิชาแบบดั้งเดิม เช่น ชีววิทยา การดูแลสุขภาพ วิทยาศาสตร์ หรือมนุษยศาสตร์

สิ่งเหล่านี้ปฏิบัติตามแนวปฏิบัติใหม่ระดับชาติที่กระทรวงศึกษาธิการจีนออกในเดือนเมษายน โดยสนับสนุนการปฏิรูป “การศึกษา+ AI” อย่างครอบคลุมในทุกขั้นตอนการศึกษา โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการคิดเชิงวิเคราะห์ ความรู้ด้านดิจิทัล และทักษะเชิงปฏิบัติ

เพื่อแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นนี้เพิ่มเติม รัฐบาลเทศบาลกรุงปักกิ่งจึงกำหนดให้มีการศึกษาด้าน AI ในโรงเรียนทุกแห่งตั้งแต่ระดับประถมศึกษาจนถึงระดับมหาวิทยาลัยเมื่อต้นปีนี้

ตามที่หลัวกล่าว ในขณะที่บางภูมิภาคในต่างประเทศมีแนวโน้มไปทางการสอนแบบเปิดกว้างและเน้นโครงการ ซึ่งกำหนดให้ผู้เรียนต้องทำการวิจัยอย่างกว้างขวาง แต่จีนส่วนใหญ่จะปฏิบัติตามรูปแบบการศึกษาที่มีโครงสร้างค่อนข้างมาก ซึ่งส่งผลกระทบต่อการใช้งานเครื่องมือ AI

หลัวกล่าวเพิ่มว่า อย่างไรก็ตาม ความแตกต่างนี้กำลังลดลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากการเรียนรู้แบบโครงงานกำลังได้รับความนิยมมากขึ้น การศึกษาขั้นพื้นฐานในประเทศก็เริ่มมีการบูรณาการเนื้อหาที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ คอมพิวเตอร์ และอินเทอร์เน็ตอย่างชัดเจน

ผู้เล่นด้านเทคโนโลยีรายใหญ่ของจีน เช่น ByteDance, Alibaba และ Tencent มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในภาคการศึกษา ซึ่งสะท้อนถึงคู่แข่งระดับโลก เช่น OpenAI และ Anthropic

หลัวเน้นย้ำถึงความสนใจเชิงกลยุทธ์ในกลุ่มนักศึกษาในมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นกลุ่มประชากรที่สำคัญในอนาคตสำหรับผลิตภัณฑ์และบริการของพวกเขา

“นักศึกษามหาวิทยาลัยจะสำเร็จการศึกษาและเข้าสู่สังคมในเร็วๆ นี้ กลายเป็นลูกค้าที่มีศักยภาพ” หลัวอธิบาย พร้อมตั้งข้อสังเกตว่าบริษัทเทคโนโลยีมุ่งหวังที่จะเข้าถึงกลุ่มนี้ในเวทีมหาวิทยาลัย เพื่อปลูกฝังนิสัยการใช้งานตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อประโยชน์ทางธุรกิจและแบรนด์ ควบคู่ไปกับด้าน “สวัสดิการสาธารณะ”

แม้ว่าการใช้งานเครื่องมือ AI ในหมู่นักศึกษาในมหาวิทยาลัยของจีนจะสูงและหลากหลาย แต่ หลัวเน้นย้ำว่า ความท้าทายที่แท้จริงอยู่ที่การปลูกฝังความรู้ด้าน AI ในระดับต่าง ๆ อย่างเป็นระบบ

เขากล่าวว่า “ในปัจจุบันการปลูกฝังความสามารถของนักศึกษาในระดับต่าง ๆ ภายในมหาวิทยาลัยอย่างเป็นระบบยังไม่มีมาตรฐานที่ชัดเจน”

แม้ว่ามหาวิทยาลัยน่าจะเปิดสอนหลักสูตรเกี่ยวกับความรู้ความเข้าใจด้าน AI ขั้นพื้นฐานมากขึ้น แต่การฝึกฝนทักษะ AI เชิงปฏิบัติอาจขับเคลื่อนโดยตลาดมากกว่า เนื่องจากเครื่องมือได้รับการพัฒนาอย่างรวดเร็ว ในทางกลับกัน มหาวิทยาลัยซึ่งมีจุดแข็งด้านการวิจัยและนวัตกรรมอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมที่สุดในการเป็นผู้นำการบูรณาการ AI เข้ากับการค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์และการแก้ปัญหาขั้นสูง