เฉวียนโจวและอู๋ซี สองเมืองสร้างสรรค์ระดับโลกแห่งใหม่ใน UCCN

(People's Daily Online)วันอังคาร 11 พฤศจิกายน 2025

เมืองอู๋ซีในมณฑลเจียงซู และเมืองเฉวียนโจวในมณฑลฝูเจี้ยนของจีน ได้รับการบรรจุเข้าเป็นสมาชิกเครือข่ายเมืองสร้างสรรค์ของยูเนสโก UNESCO Creative Cities Network หรือ UCCN และมีชื่อใหม่ว่า “เมืองสร้างสรรค์แห่งดนตรี” และ “เมืองสร้างสรรค์แห่งศาสตร์การทำอาหาร”

เมืองอู๋ซีและเมืองเฉวียนโจวสร้างชื่อเสียงไปทั่วโลกได้อย่างไร ทั้ง ๆ ที่ไม่ได้เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดหรือมีชื่อเสียงที่สุดของจีน การที่เมืองทั้งสองแห่งนี้เข้ามามีบทบาทสำคัญยิ่งในการสื่อความหมายที่ชัดเจนว่า ความคิดสร้างสรรค์ของคนเมืองไม่ได้วัดกันที่ขนาดหรือชื่อเสียงของเมือง แต่วัดกันที่มรดกทางความคิดสร้างสรรค์ที่ผสานเข้ากับวิถีชีวิตท้องถิ่น

เป็นที่น่าสังเกตว่าก่อนที่เมืองทั้ง 2 แห่งจะได้รับการยอมรับให้เป็นเมืองสร้างสรรค์ระดับโลก ทั้งอู๋ซีและเฉวียนโจวต่างก็มีความเชี่ยวชาญด้านความคิดสร้างสรรค์ที่ไม่ได้เกิดขึ้นในยุคปัจจุบัน แต่มีรากฐานมาจากประวัติศาสตร์ท้องถิ่นของตน

ยกตัวอย่างเช่นที่อู๋ซี ความเชี่ยวชาญด้านดนตรีของเมืองนี้ย้อนกลับไปถึงยุคสงครามรณรัฐ (475-221 ปีก่อนคริสตกาล) ซึ่งมีเครื่องดนตรีกว่า 400 ชิ้นถูกฝังอยู่ในแหล่งโบราณคดีท้องถิ่น มรดกทางดนตรีของเมืองนี้ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง นักดนตรีสมัยใหม่อย่างหัว หยานจุน หรือที่รู้จักกันในนามอาปิ่งในประเทศจีน ได้รับการบ่มเพาะจากเมืองและสร้างสรรค์ผลงานชิ้นเอก “เอ้อเฉวียนอิ่งเยว่” (แปลว่า เงาสะท้อนของดวงจันทร์ในฤดูใบไม้ผลิที่สอง) ซึ่งเป็นหนึ่งในเพลงซอเอ้อร์หูอันเลื่องชื่อที่สุดของจีน

ในแง่หนึ่ง รากฐานทางประวัติศาสตร์ที่เชื่อมโยงกันเหล่านี้เปิดโอกาสให้เมืองอู๋ซีสามารถเน้นย้ำถึงดนตรีในฐานะเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมของตนได้ ในอีกแง่หนึ่ง สิ่งเหล่านี้ยังมอบแก่นเรื่องที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวให้กับการพัฒนาเชิงสร้างสรรค์ของเมือง กล่าวอีกนัยหนึ่ง การจะสร้างสรรค์อัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมอันโดดเด่นเฉพาะตัว เมืองนั้นจะต้องกลั่นกรองแก่นเรื่องที่แตกต่างออกไปจากประเพณีท้องถิ่นของตน

อย่างไรก็ตาม หากมรดกทางความคิดที่กลั่นกรองออกมานี้กลายเป็นเพียงบันทึกถาวรหรือเอกสารสำคัญในพิพิธภัณฑ์ แทนที่จะเป็นทรัพย์สินที่เติบโต ก็จะไม่สามารถเปลี่ยนความคิดสร้างสรรค์อันเก่าแก่ของเมืองให้กลายเป็นพลังแห่งยุคสมัยใหม่ได้ กล่าวคือ สิ่งที่ทำให้เมืองอู๋ซีเป็นเมืองแห่งความคิดสร้างสรรค์ไม่ได้อยู่ที่ประวัติศาสตร์ดนตรีโบราณเพียงอย่างเดียว หากแต่อยู่ที่การที่ประวัติศาสตร์นี้ถูกเปลี่ยนให้เป็นพลังขับเคลื่อนการเติบโตของเมืองในยุคปัจจุบัน การเติบโตเช่นนี้จะมีความยั่งยืนและครอบคลุมถึงปัจจัยพลวัตต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมดนตรี การศึกษา เศรษฐกิจการผลิตที่เกี่ยวข้อง การแลกเปลี่ยน และอื่น ๆ

ยกตัวอย่างเช่น ปัจจุบันเมืองอู๋ซีเป็นผู้ผลิตเครื่องดนตรีซอเอ้อร์หูรายใหญ่ที่สุดของโลก ขณะเดียวกัน โครงการ “โรงเรียนซอเอ้อร์หู” ของเมืองก็ได้รับการนำไปใช้อย่างกว้างขวางในระบบการศึกษาท้องถิ่น นอกจากนี้ ผู้ที่ชื่นชอบดนตรีในประเทศจีนต่างหลั่งไหลมาร่วมงานเทศกาลดนตรีไท่หูที่เมืองอู๋ซี วงดนตรีท้องถิ่นก็กำลังนำผลงานที่ดีที่สุดออกแสดงในหลายประเทศ เช่น รัสเซีย ฝรั่งเศส และเยอรมนี

ระบบสร้างสรรค์ของเมืองเปรียบเสมือนวงจรที่เชื่อมโยงมรดก ผู้คน อุตสาหกรรม และการเติบโตของสังคมดนตรีผ่านวงจรนี้เองที่นำมาซึ่งผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่จับต้องได้ พร้อมกับเสริมสร้างอัตลักษณ์ทางวัฒนธรรมของเมืองไปพร้อม ๆ กัน ผลลัพธ์นี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่าทำไม UNESCO จึงยกย่อง อู๋ซี เมืองสร้างสรรค์แห่งนี้ว่าเป็น

“การส่งเสริมความคิดสร้างสรรค์ในฐานะตัวขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืน”

เช่นเดียวกับเมืองอู๋ซี เมืองเฉวียนโจวก็ได้สร้างแบรนด์ด้านอาหารให้กลายเป็นเมืองที่สร้างวงจรที่ยั่งยืนร่วมกับอาหารท้องถิ่น การแลกเปลี่ยนอาหาร การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมอันเลิศรส และอื่น ๆ อีกมากมาย

อย่างไรก็ตาม วัฏจักรแห่งความสำเร็จที่ครบวงจรเช่นนี้ไม่เพียงพอ เมืองแห่งความคิดสร้างสรรค์ต้องมีจิตวิญญาณแห่งการแบ่งปันด้วย

ดังนั้น รางวัล UCCN จึงไม่ใช่รางวัลเพียงครั้งเดียว แต่ควรได้รับการมองว่าเป็นเวทีสำหรับเมืองที่มีมรดกทางวัฒนธรรมคล้ายคลึงกัน แต่มีภูมิหลังทางวัฒนธรรมที่แตกต่างกัน ได้เรียนรู้ซึ่งกันและกัน ยกตัวอย่างเช่น เมืองกวังกาของสเปนยังได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองแห่งอาหาร ขณะที่เมืองคิซูมูในประเทศเคนยามีชื่อเสียงด้านมรดกทางดนตรี

ไม่ว่าจะเป็นในเอเชีย แอฟริกา หรือยุโรป เมืองที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้อื่นด้วยความคิดสร้างสรรค์ ย่อมต้องมีจิตวิญญาณแห่งการผสานวัฒนธรรมที่หลากหลาย นับตั้งแต่สมัยโบราณ ในฐานะศูนย์กลางสำคัญบนเส้นทางสายไหมทางทะเล วัฒนธรรมอาหารของเฉวียนโจวได้แสดงให้เห็นถึงจิตวิญญาณแห่งการแลกเปลี่ยนนี้

ในอาหารขึ้นชื่อประจำท้องถิ่นอย่าง “เจียงหมู่ยา” หรือ “เป็ดอบขิง” คุณจะได้ลิ้มรสเครื่องเทศที่นำเข้ามาสู่จีนผ่านเส้นทางสายไหมทางทะเลในสมัยโบราณ บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปสไตล์หมิ่นหนานร้อนๆ สักชาม ก็ยังช่วยปลุกความทรงจำร่วมกันที่เชื่อมโยงจีนแผ่นดินใหญ่และเกาะไต้หวันผ่านรากเหง้าอันเป็นหนึ่งเดียวกัน

ในฐานะที่เมืองนี้ “ศาสตร์แห่งการทำอาหาร” ได้พัฒนาไปไกลกว่าแค่อาหาร หรือเสาหลักของการเติบโตของอุตสาหกรรมอาหารท้องถิ่น สู่สายใยอันอ่อนโยนที่เชื่อมโยงผู้คนผ่านความรู้สึกร่วม การเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ยังเผยให้เห็นว่า สินทรัพย์สร้างสรรค์ของเมืองไม่ได้จำกัดอยู่แค่คุณค่าทางกายภาพเท่านั้น แต่ยังอยู่ที่ความสามารถในการส่งเสริมความสัมพันธ์ของมนุษย์ และสร้างอัตลักษณ์ร่วมกันผ่านประสบการณ์ทางวัฒนธรรมร่วมกัน

ดังนั้น เพื่อให้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรม ควรพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ของเมืองให้กลายเป็นกิจกรรมต่างๆ ในรูปแบบต่างๆ เช่น เทศกาลอาหารและนิทรรศการ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้เข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้น พร้อมทั้งนำทรัพยากรใหม่ๆ ไปสู่การพัฒนาในท้องถิ่น

เมื่อรวมเมืองใหม่สองเมืองของจีนที่เพิ่มเข้ามา UCCN ปัจจุบันประกอบด้วย 408 เมือง ครอบคลุมกว่า 100 ประเทศและภูมิภาค ซึ่งรวมถึงนครใหญ่ ๆ ของจีนอย่างเซี่ยงไฮ้และปักกิ่งด้วย