เครื่องจักรขุดเจาะอุโมงค์ชี้ให้เห็นการเพิ่มขึ้นของภาคการผลิตในจีน

(People's Daily Online)วันพุธ 12 พฤศจิกายน 2025

ในเมืองเจิ้งโจว มณฑลเหอหนาน ทางตอนกลางของจีน เครื่องเจาะอุโมงค์ขั้นสูง (Tunneling boring machine หรือ TBM) ได้เปิดตัวออกจากสายการผลิตในสัปดาห์นี้ เตรียมนำไปใช้ในการก่อสร้างสาขาใต้น้ำของรถไฟใต้ดินปักกิ่งสาย 1

อุปกรณ์ที่มีระบบการจัดการหินที่สร้างสรรค์ใหม่นี้ สามารถสร้างอุโมงค์ต่อเนื่อง คัดกรองอย่างแม่นยำ และขนส่งหินก้อนใหญ่ด้วยเครื่องจักรได้ นับเป็นโซลูชันที่ล้ำสมัยสำหรับการก่อสร้างโครงสร้างโล่ (เพื่อใช้ป้องกันคนงานจากดินถล่ม) ในชั้นหินกรวดที่ท้าทาย

TBM นี้ได้รับการออกแบบและผลิตอย่างอิสระโดยบริษัท China Railway Engineering Equipment Group Co., Ltd. (CREG) ซึ่งเป็นผู้ผลิต TBM รายใหญ่ที่สุดของจีน โดย TBM นี้เน้นย้ำถึงการพัฒนาอย่างรวดเร็วของภาคการผลิตขั้นสูงของจีน

ย้อนกลับไปในปี พ.ศ. 2368 ใต้แม่น้ำเทมส์ มาร์ก อิสซัมบาร์ด บรูเนล วิศวกรชาวฝรั่งเศส ได้สร้างอุโมงค์แห่งแรกของโลกที่ใช้วิธีการขุดอุโมงค์แบบมีโครงสร้างโล่ เทคโนโลยีอันล้ำสมัยนี้ได้รับการพัฒนาและนำไปใช้อย่างกว้างขวางทั่วยุโรปในเวลาต่อมา

อย่างไรก็ตาม กว่าร้อยปีต่อมา เมื่อโครงการรถไฟใต้ดินปักกิ่งระยะแรก (ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นสาย 1) เริ่มก่อสร้างในปี พ.ศ.2508 อุตสาหกรรมการเจาะอุโมงค์ของจีนยังคงอยู่ในระยะเริ่มต้น

ด้วยฐานอุตสาหกรรมที่อ่อนแอและไม่มีเทคโนโลยีหลัก การก่อสร้างจึงต้องพึ่งพาการขุดดินด้วยมือเป็นหลัก ซึ่งเป็นวิธีการที่ไม่มีประสิทธิภาพและมีความเสี่ยงสูง หวัง ซินเจี๋ย ผู้ออกแบบสำนักงานสำรวจและออกแบบรถไฟใต้ดินในกรุงปักกิ่งในขณะนั้นกล่าวว่า “เราเคยอ่านเกี่ยวกับรถไฟใต้ดินแต่ในหนังสือ ไม่มีใครเคยเห็นมาก่อน”

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เทคโนโลยีและอุปกรณ์การขุดเจาะอุโมงค์ของจีนได้ก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว โดยขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรมทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทำให้ประเทศเปลี่ยนจากผู้ตามกลายเป็นผู้นำในอุตสาหกรรม TBM ระดับโลก

ที่น่าสังเกตคือ ปริมาณการผลิตและยอดขายของ CREG ครองอันดับหนึ่งของโลกติดต่อกัน 8 ปีซ้อน เครื่องจักรขุดเจาะอุโมงค์ของบริษัทได้ขุดอุโมงค์ไปแล้วกว่า 5,000 กิโลเมตร ซึ่งช่วยสนับสนุนการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ เช่น รถไฟฟ้าใต้ดิน ทางรถไฟ ทางหลวง เหมืองแร่ การอนุรักษ์น้ำ และงานเทศบาล เป็นต้น

หวัง เว่ยป๋อ เจ้าหน้าที่ของ CREG กล่าวว่า “ดินแดนอันกว้างใหญ่และธรณีวิทยาที่หลากหลายของจีนทำหน้าที่เป็นพื้นที่ทดสอบตามธรรมชาติ ช่วยให้ผู้ผลิต TBM สามารถสะสมประสบการณ์ พัฒนาเทคโนโลยี และปรับปรุงความสามารถในการปรับตัวของอุปกรณ์”

การเปลี่ยนแปลงอันน่าทึ่งของอุตสาหกรรม TBM ของจีนเน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นอันแข็งแกร่งของประเทศในการส่งเสริมการผลิต

ตามเอกสารสำคัญที่ระบุลำดับความสำคัญของแผนห้าปีฉบับถัดไปของจีนระบุว่า จีนควรเสริมสร้างและพัฒนาตำแหน่งงานและความสามารถในการแข่งขันทางอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น การทำเหมืองแร่ เครื่องจักร และการก่อสร้าง ในแง่ของการแบ่งแรงงานในอุตสาหกรรมระดับโลก

นอกจากนี้ ยังควรต้องให้แน่ใจว่าห่วงโซ่อุตสาหกรรมมีความสามารถรองรับตัวเองและทนต่อความเสี่ยงได้มากขึ้น ส่งเสริมการปรับปรุงโครงสร้างอุตสาหกรรมและการวิจัยเกี่ยวกับเทคโนโลยีและอุปกรณ์หลัก และพัฒนาคลัสเตอร์การผลิตขั้นสูง

จนถึงปัจจุบัน จีนผลิต TBM ไปแล้วกว่า 4,000 เครื่อง คิดเป็นส่วนแบ่งตลาดโลกประมาณ 70% ด้วยคุณภาพสูงและบริการที่ปรับแต่งตามความต้องการ เครื่องจักรที่ผลิตในจีนจึงดึงดูดลูกค้าต่างชาติเพิ่มมากขึ้น

CREG ได้ส่งออกผลิตภัณฑ์เครื่องขุดเจาะอุโมงค์ที่มีโครงสร้างโล่ไปยังประเทศและภูมิภาคทั่วโลกกว่า 30 แห่ง รวมถึง ไทย เดนมาร์ก ฝรั่งเศส อิตาลี แคนาดา บราซิล สิงคโปร์ มาเลเซีย และสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์

ไม่ว่าจะอยู่ในพื้นที่หนาวเย็นของยุโรปตอนเหนือ หรือทะเลทรายอันร้อนระอุของตะวันออกกลาง บริษัทจีนก็สามารถให้การสนับสนุนทางเทคนิคและบริการหลังการขายอย่างทันท่วงทีและเป็นมืออาชีพได้เสมอ

ณ โรงงาน CREG ในเมืองเจิ้งโจว Hacia ซึ่งเป็นเครื่องจักร TBM ที่ตกแต่งด้วยภาพวาดสีเขียวของชาวอะบอริจิน กำลังอยู่ในระหว่างการทดสอบขั้นสุดท้าย เครื่องจักรนี้ตั้งชื่อโดยนักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 จากโรงเรียนประถมเกลนเวฟเวอร์ลี และจะเป็นเครื่องจักรขุดเจาะอุโมงค์โครงสร้างโล่ เครื่องที่ 5 ที่ CREG จัดหาให้กับออสเตรเลีย

อุปกรณ์ดังกล่าวจะถูกส่งจากเจิ้งโจวไปยังเมลเบิร์นในเร็ว ๆ นี้ เพื่อโครงการรถไฟชานเมืองแบบวนรอบ เมื่อโครงการเสร็จสมบูรณ์ โครงการนี้จะช่วยลดปัญหาการจราจรติดขัดและลดระยะเวลาการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะได้อย่างมีประสิทธิภาพ

คริส โคโลดินสกี หัวหน้างานไฟฟ้าจากออสเตรเลีย กำลังตรวจสอบหน้าที่หลักของโครงการ Hacia กับเพื่อนร่วมงาน เขากล่าวว่า “ผู้คนต่างตั้งตารอโครงการรถไฟฟ้าสายใหม่ ซึ่งจะเป็นประโยชน์อย่างมาก”

เพื่อส่งเสริมเทคโนโลยีหลักของตน บริษัทยักษ์ใหญ่ของจีน CREG ยึดถือหลักการที่ว่าวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีเป็นพลังการผลิตหลัก โดยการใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) ของบริษัทได้รับการรักษาไว้ที่ประมาณ 9% มาเป็นเวลาหลายปี

ตามที่ อิน เหอจวิ้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีของจีนกล่าว ในปี 2567 การใช้จ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาของจีนมีมูลค่าสูงเกิน 3.6 ล้านล้านหยวน (ราว 508,220 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)

ตั้งแต่ปี 2569 ถึงปี 2573 จีนจะพัฒนาระบบอุตสาหกรรมสมัยใหม่โดยมีการผลิตขั้นสูงเป็นกระดูกสันหลัง ตามเอกสารสำคัญที่กล่าวถึงข้างต้นระบุ

ในขณะเดียวกัน ประเทศจะมุ่งมั่นที่จะพัฒนาประสิทธิภาพโดยรวมของระบบนวัตกรรมของตน บรรลุตำแหน่งผู้นำในการพัฒนาทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และส่งเสริมพลังการผลิตที่มีคุณภาพใหม่ๆ ต่อไป