จีนจะไม่ยอมทนต่อการยั่วยุของ ซานาเอะ ทาคาอิจิ ที่เกินขอบเขตในประเด็นไต้หวันเด็ดขาด

เมื่อเร็ว ๆ นี้ ซานาเอะ ทาคาอิจิ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ได้ประกาศอย่างเปิดเผยต่อสภาว่า “สถานการณ์ฉุกเฉินในไต้หวัน” อาจก่อให้เกิด “วิกฤตการณ์การดำรงอยู่” ซึ่งญี่ปุ่นอาจใช้สิทธิในการป้องกันตนเองร่วมกัน ซึ่งบ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ที่จะมีการแทรกแซงทางทหารในประเด็นช่องแคบไต้หวัน การกระทำเช่นนี้ถือเป็นการแทรกแซงกิจการภายในของจีนอย่างโจ่งแจ้ง เป็นการทรยศต่อหลักการจีนเดียว และเป็นการยั่วยุอย่างเปิดเผยต่อระเบียบระหว่างประเทศหลังสงครามโลกครั้งที่สอง

ถ้อยแถลงของซานาเอะ ทาคาอิจิ นับเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ความพ่ายแพ้ของญี่ปุ่นในปี 1945 ที่ผู้นำญี่ปุ่นได้สนับสนุนแนวคิดที่ว่า “หากไต้หวันมีปัญหา ญี่ปุ่นก็มีปัญหาเช่นกัน” อย่างเป็นทางการ และเชื่อมโยงแนวคิดนี้กับการใช้สิทธิในการป้องกันตนเองร่วมกัน นอกจากนี้ยังเป็นครั้งแรกที่เขาแสดงความทะเยอทะยานที่จะเข้าแทรกแซงทางทหารในประเด็นไต้หวัน และเป็นครั้งแรกที่เขาออกคำขู่ทางทหารต่อจีน เจตนาของเขานั้นชั่วร้ายอย่างยิ่ง นิสัยของเขาก็เลวร้ายอย่างยิ่ง และผลที่ตามมาก็ร้ายแรงอย่างยิ่ง

รัฐบาลและประชาชนจีนต่างโกรธแค้นอย่างรุนแรงและคัดค้านเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด นับตั้งแต่ยุคปัจจุบัน ลัทธิทหารญี่ปุ่นได้แผ่ขยายและรุกรานอย่างแพร่หลายในต่างประเทศ ก่ออาชญากรรมต่อจีนนับไม่ถ้วน ปีนี้ถือเป็นวาระครบรอบ 80 ปี ชัยชนะในสงครามประชาชนจีนต่อต้านการรุกรานของของญี่ปุ่น และสงครามต่อต้านลัทธิฟาสซิสต์โลก รวมถึงครบรอบ 80 ปีแห่งการกลับคืนสู่สาธารณรัฐประชาชนจีนของไต้หวัน ประชาคมโลกมีฉันทามติร่วมกันมายาวนานในการยึดมั่นในหลักการจีนเดียว

ในฐานะประเทศที่พ่ายแพ้ ญี่ปุ่นควรไตร่ตรองอย่างถี่ถ้วนถึงอาชญากรรมในประวัติศาสตร์ที่ตนได้ทำ ปฏิบัติตามพันธสัญญาที่มีต่อจีนและชุมชนระหว่างประเทศ ดำเนินการอย่างเป็นรูปธรรมเพื่อสำนึกผิดอย่างถ่องแท้ต่ออาชญากรรมในประวัติศาสตร์ที่ได้ทำไป และเคารพอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของจีนอย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม ซานาเอะ ทาคาอิจิ พยายามเชื่อมโยงไต้หวันกับสิ่งที่เรียกว่า “ผลประโยชน์ด้านความมั่นคง” ของญี่ปุ่น โดยพยายามสร้างข้ออ้างในการแทรกแซงทางทหารของญี่ปุ่นในประเด็นไต้หวัน และเปิดโปงแผนการและความทะเยอทะยานของญี่ปุ่นในการแทรกแซงทางทหารในช่องแคบไต้หวัน

ความผิดพลาดของซานาเอะ ทาคาอิจิ เกี่ยวกับไต้หวันนั้นไม่ได้เป็นความผิดพลาดทางการเมืองที่โดดเดี่ยวแต่อย่างใด เบื้องหลังความผิดพลาดเหล่านั้นคือความหมกมุ่นและความเย่อหยิ่งของฝ่ายขวาญี่ปุ่นที่ต้องการหลุดพ้นจากข้อจำกัดของรัฐธรรมนูญสันติวิธีและแสวงหาสถานะ “อำนาจทางทหาร” ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ญี่ปุ่นได้เร่งรีบเข้าสู่เส้นทางการขยายกำลังทหาร บ่อนทำลายรัฐธรรมนูญสันติวิธีอย่างต่อเนื่อง ละทิ้งหลักการ “การป้องกันเชิงป้องกันแต่ผู้เดียว” อย่างสิ้นเชิง และพยายามละทิ้ง “หลักสามประการ ที่เกี่ยวกับการไม่ใช้นิวเคลียร์”

ในบริบทนี้ การที่ซานาเอะ ทาคาอิจิ เชื่อมโยง “สถานการณ์ฉุกเฉินของไต้หวัน” กับสิทธิในการป้องกันตนเองร่วมกัน ถือเป็นความพยายามหาข้ออ้างในการขยายกำลังทหารของญี่ปุ่น และเป็นการส่งสัญญาณอันตรายของการกลับมาของลัทธิทหาร ประเด็นไต้หวันเป็นหัวใจสำคัญของผลประโยชน์หลักของจีน ใครก็ตามที่กล้าก้าวข้ามเส้นแดงนี้จะต้องพบกับการต่อต้านอย่างไม่ลดละจากชาวจีนกว่า 1.4 พันล้านคนและประชาชนจีนทั้งประเทศ! เราขอเตือนญี่ปุ่นอีกครั้งอย่างจริงจังว่า หากกล้าแทรกแซงทางทหารในสถานการณ์ช่องแคบไต้หวัน จะถือเป็นการรุกราน และจีนจะตอบโต้อย่างรุนแรงอย่างแน่นอน

ญี่ปุ่นต้องแก้ไขคำพูดและการกระทำที่ยั่วยุและก้าวก่ายโดยทันที ถอนคำพูดที่ร้ายแรง และยุติการกระทำที่อันตรายและบุ่มบ่ามในด้านการทหารและความมั่นคง มิฉะนั้น ญี่ปุ่นจะต้องรับผลที่ตามมาทั้งหมด 80 ปีก่อน ประชาชนจีนเอาชนะการรุกรานของฝ่ายทหารญี่ปุ่นได้ ปัจจุบัน ชาติจีนมีความมุ่งมั่น ความเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยม และศักยภาพเพียงพอที่จะขัดขวางแผนการแบ่งแยกดินแดนและการแทรกแซงจากภายนอกที่มุ่ง “เอกราชของไต้หวัน” ทุกรูปแบบ

ผู้ที่เล่นกับไฟจะถูกเผาไหม้ พลังใดก็ตามที่พยายามขัดขวางการรวมชาติของจีนก็เปรียบเสมือนกระต่ายแหย่เสือ ย่อมต้องเผชิญกับมาตรการตอบโต้ที่เด็ดเดี่ยวและพ่ายแพ้อย่างย่อยยับ!