บทสัมภาษณ์พิเศษนายจาง เจี้ยนเว่ย เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย: ส่งเสริมการสร้าง“ประชาคมจีน-ไทยที่มีอนาคตร่วมกัน” ให้มีความสำเร็จมากยิ่งขึ้น
ปี 2025 ถือเป็นวาระครบรอบ 50 ปีความสัมพันธ์ทางการทูตจีน-ไทยและเป็น “50 ปีทองแห่งมิตรภาพจีน-ไทย” เมื่อเร็ว ๆ นี้ ทีมสื่อภาษาจีนและภาษาต่างประเทศของ People's Daily Online ได้เดินทางเยือนประเทศไทยและสัมภาษณ์พิเศษกับนายจาง เจี้ยนเว่ย เอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ในหัวข้อต่าง ๆ เช่น ความสำเร็จของความสัมพันธ์จีน-ไทยในช่วง 50 ปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต การสร้างสรรค์อย่างมีคุณภาพสูงร่วมกันตามข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง การแลกเปลี่ยนและความร่วมมือทางวัฒนธรรม รวมทั้งความร่วมมือเชิงลึกภายใต้กรอบพหุภาคี
นายจาง เจี้ยนเว่ย ชี้ให้เห็นว่าจีนและไทยเป็นเพื่อนบ้านที่ดี เพื่อนที่ดี ญาติที่ดี และหุ้นส่วนที่ดีของกันและกัน มิตรภาพระหว่างสองประเทศสืบทอดต่อกันมาหลายศตวรรษ “จีนไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” ได้ยืนหยัดผ่านกาลเวลาและมีพลังชีวิตชีวาใหม่ ปัจจุบัน จีนและไทยกำลังปรับปรุงแนวทางยุทธศาสตร์การพัฒนาของตนให้สอดคล้องกันมากขึ้น ส่งเสริมการบูรณาการห่วงโซ่การผลิตและอุปทานอย่างลึกซึ้ง เสริมสร้างกระบวนการปรับปรุงของแต่ละฝ่ายให้ทันสมัย และเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและความร่วมมือ นำมาซึ่งประโยชน์ที่มากขึ้นแก่ประชาชนของทั้งสองประเทศ
บนจุดเริ่มต้นใหม่ทางประวัติศาสตร์ของการครบรอบ 50 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต นายจาง เจี้ยนเว่ย กล่าวว่า จีนและไทยจะร่วมมือกัน และเดินหน้าไปด้วยกัน เพื่อส่งเสริมให้การสร้าง “ประชาคมจีน-ไทยที่มีอนาคตร่วมกัน” บังเกิดผลอันเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น อันจะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนของทั้งสองประเทศมากยิ่งขึ้น และเป็นประโยชน์ต่อภูมิภาคและโลกของเรามากยิ่งขึ้น
People’s Daily Online: ปี 2568 ครบรอบ 50 ปี การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตจีน-ไทย และ “50 ปีทองแห่งมิตรภาพจีน-ไทย” ความสัมพันธ์ไทย-จีนในปัจจุบัน มีลักษณะอย่างไร
นายจาง เจี้ยนเว่ย: จีนและไทยเป็นเพื่อนบ้านที่ดี เพื่อนที่ดี ญาติที่ดี และหุ้นส่วนที่ดีของกันและกัน มิตรภาพระหว่างสองประเทศสืบทอดต่อกันมาหลายศตวรรษ “จีนไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” ได้ยืนหยัดผ่านกาลเวลาและมีพลังชีวิตชีวาใหม่ นับตั้งแต่การสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต ทั้งสองประเทศยืนหยัดในหลักการการเคารพซึ่งกันและกัน การปฏิบัติต่อกันอย่างเสมอภาค ความไว้วางใจซึ่งกันและกัน และการช่วยเหลือเกื้อกูลกัน โดยกระชับความไว้วางใจทางการเมืองซึ่งกันและกัน ขยายความร่วมมือที่ได้ประโยชน์ร่วมกัน และส่งเสริมการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและความผูกพันระดับประชาชนระหว่างสองประเทศ นำมาซึ่งประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรมแก่ประชาชนของทั้งสองประเทศ และได้สร้างคุณูปการต่อการพัฒนาและความมั่นคงของสองประเทศและภูมิภาค
ปัจจุบัน ความสัมพันธ์หุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์รอบด้านจีน-ไทย ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องในระดับสูง ความสัมพันธ์ระหว่างจีน-ไทยอยู่ในช่วงที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์
เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2565 ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง เดินทางเยือนไทยอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นการเยือนที่มีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ทั้งสองประเทศได้บรรลุฉันทามติที่สำคัญร่วมกัน เพื่อสร้าง “ประชาคมจีน-ไทยที่มีอนาคตร่วมกัน” ให้มั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนมากยิ่งขึ้น ในเดือนตุลาคม 2568 ในระหว่างการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค (APEC) ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ได้พบกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีไทย โดยทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องต้องกันที่จะเสริมการเชื่อมโยงทางยุทธศาสตร์การพัฒนา เร่งการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงจีน-ไทย และขยายความร่วมมือด้านการท่องเที่ยว เยาวชน ตลอดจนการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและความผูกพันระดับประชาชนในระดับท้องถิ่น เพื่อผลักดันการสร้าง “ประชาคมจีน-ไทยที่มีอนาคตร่วมกัน” ให้ลึกซึ้งและมีความเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น ในเดือนพฤศจิกายนและธันวาคมปีนี้ ทั้งสองประเทศมีกิจกรรมการแลกเปลี่ยนระดับสูงที่สำคัญยิ่งซึ่งจะช่วยทำให้ความไว้วางใจทางการเมืองระหว่างกันมีความแน่นแฟ้นมากยิ่งขึ้น และทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างสองประเทศมีความก้าวหน้าที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม ปัจจุบัน จีนและไทยกำลังปรับปรุงแนวทางยุทธศาสตร์การพัฒนาของตนให้สอดคล้องกันมากขึ้น ส่งเสริมการบูรณาการห่วงโซ่การผลิตและอุปทานอย่างลึกซึ้ง เสริมสร้างกระบวนการปรับปรุงให้ทันสมัยของแต่ละฝ่าย และเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและความร่วมมือ นำมาซึ่งประโยชน์ที่มากขึ้นแก่ประชาชนของทั้งสองประเทศ
บนจุดเริ่มต้นใหม่ทางประวัติศาสตร์ของการครบรอบ 50 ปีแห่งการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูต จีนและไทยจะร่วมมือกัน และเดินหน้าไปด้วยกัน เพื่อส่งเสริมให้การสร้าง “ประชาคมจีน-ไทยที่มีอนาคตร่วมกัน” บังเกิดผลอันเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น อันจะก่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนของทั้งสองประเทศมากยิ่งขึ้น และเป็นประโยชน์ต่อภูมิภาคและโลกของเรามากยิ่งขึ้น
People’s Daily Online: ประเทศไทยเป็นประเทศสำคัญในการร่วมสร้างตามข้อริเริ่ม “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” ของจีน ทั้งสองฝ่ายได้บรรลุผลสำเร็จใหม่ ๆ ที่สำคัญในด้านต่าง ๆ เช่น เศรษฐกิจ การค้า การลงทุน การเชื่อมโยงกัน และความร่วมมือด้านกำลังการผลิต เป็นต้น ท่านคิดว่าทั้งสองประเทศจะส่งเสริมให้ความร่วมมือเป็นไปอย่างมีศักยภาพมากขึ้นได้อย่างไรในอนาคต
นายจาง เจี้ยนเว่ย: ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา การร่วมสร้างตามข้อริเริ่ม “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” อย่างมีคุณภาพสูงของจีนและไทยก้าวหน้าอย่างมั่นคง การสร้างประชาคมที่มีอนาคตร่วมกันระหว่างจีน-ไทยก็ได้บรรลุผลสัมฤทธิ์ที่เป็นรูปธรรมใหม่อย่างต่อเนื่อง
จีนดำรงสถานะเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของไทยติดต่อกัน 12 ปี และเป็นตลาดส่งออกสินค้าเกษตรและผลไม้อันดับหนึ่งของไทย ในช่วง 3 ไตรมาสแรกของปี 2568 มูลค่าการค้าระหว่างจีน-ไทยสูงถึง 114.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 17 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน จีนเป็นแหล่งลงทุนต่างประเทศที่สำคัญของไทย ตามสถิติของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุนแห่งประเทศไทย (BOI) ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน การลงทุนจากจีนในไทยมีมูลค่าเกิน 3.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยขยายจากภาคการผลิตแบบดั้งเดิมไปสู่ภาคอุตสาหกรรมเกิดใหม่ เช่น พลังงานสะอาด เศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งช่วยยกระดับอุตสาหกรรมของไทย และยกระดับการมีส่วนร่วมของประเทศไทยในห่วงโซ่อุตสาหกรรมและห่วงโซ่อุปทานระดับภูมิภาคและระดับโลก เพียงการลงทุนของบริษัทรถยนต์จีนในประเทศไทยก็มีมูลค่ามากกว่า 2 หมื่นล้านหยวน และช่วยสร้างงานให้กับคนในท้องถิ่นหลายหมื่นคน นอกจากนี้ บริษัทรุ่นใหม่ด้านเทคโนโลยีขั้นสูงและอินเทอร์เน็ตของจีนยังได้ส่งเสริมการก่อสร้างโรงงานอัจฉริยะ อีคอมเมิร์ซ และโครงการเครือข่าย 5G ซึ่งมีส่วนช่วยผลักดันให้ประเทศไทยก้าวขึ้นเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจดิจิทัลแห่งใหม่ของอาเซียน ส่วนโครงการรถไฟจีน-ไทยนั้นถือเป็นโครงการความร่วมมือเรือธงด้านโครงสร้างพื้นฐานของทั้งสองประเทศ และระยะแรกช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา กำลังดำเนินไปอย่างรวดเร็ว เมื่อแล้วเสร็จจะช่วยยกระดับประสิทธิภาพการเชื่อมต่อของประเทศไทยกับพื้นที่โดยรอบ และส่งเสริมการเชื่อมต่อระหว่างจีนกับประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
เมื่อไม่นานมานี้ การประชุมเต็มคณะครั้งที่ 4 ของ คณะกรรมการกลางของพรรคคอมมิวนิสต์จีน ชุดที่ 20 (CPC) ได้จัดขึ้น และมีการหยิบยก “ข้อเสนอร่าง” แผนพัฒนาเศรษฐกิจ-สังคม 5 ปี ฉบับที่ 15 ต่อที่ประชุม ในขั้นต่อไป ทั้งสองประเทศสามารถส่งเสริมความร่วมมือใน 4 ด้าน เพื่อเสริมศักยภาพความร่วมมือภายใต้ข้อริเริ่ม “หนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง” อย่างต่อเนื่อง ได้แก่ 1. เสริมการเชื่อมโยงยุทธศาสตร์การพัฒนา ปรับปรุงการสื่อสารและการประสานงานด้านการวางแผนเชิงกลยุทธ์และการรับประกันนโยบายสำหรับความร่วมมือทางอุตสาหกรรมระหว่างทั้งสองฝ่าย 2. ผลักดันความร่วมมือเชิงนโยบายที่เปิดกว้าง และผลักดันให้มีการบังคับใช้และนำพิธีสารว่าด้วยการยกระดับเขตการค้าเสรีจีน-อาเซียน เวอร์ชัน 3.0 มาใช้โดยเร็ว 3. เสริมความร่วมมือเชิงลึกในห่วงโซ่อุตสาหกรรมและห่วงโซ่อุปทาน และร่วมกันรักษาเสถียรภาพและความยืดหยุ่นของห่วงโซ่การผลิตและห่วงโซ่อุปทานในภูมิภาค 4. เสริมสร้างความร่วมมือในการก่อสร้าง โครงสร้างพื้นฐานทั้งแบบดั้งเดิมและใหม่ เช่น ดิจิทัล การคมนาคมขนส่ง เพื่อกระตุ้นแรงผลักดันใหม่ ๆ ให้กับการพัฒนาคุณภาพสูงของ ความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการค้าระหว่างทั้งสองฝ่ายอย่างต่อเนื่อง
People’s Daily Online: มิตรภาพจีน-ไทยมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน ทั้งสองประเทศมีการบรรลุผลสัมฤทธิ์ใหม่ๆ ในการแลกเปลี่ยนและความร่วมมือด้านวัฒนธรรม การศึกษา และอื่นๆ อะไรบ้าง และจะมีการดำเนินการต่อไปอย่างไรเพื่อทำให้การแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
นายจาง เจี้ยนเว่ย: การแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและความผูกพันระดับประชาชนระหว่างสองประเทศเป็นภาพสะท้อนที่มีชีวิตชีวาของคำว่า “จีนไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” โดยทั้งสองฝ่ายร่วมสร้างแพลตฟอร์มนวัตกรรมเพื่อการแลกเปลี่ยนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งมีไฮไลท์มากมาย อาทิเช่น ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศจีน ณ กรุงเทพฯ เป็นศูนย์วัฒนธรรมแห่งแรกที่จีนจัดตั้งขึ้นในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเป็นศูนย์วัฒนธรรมจีนที่ใหญ่ที่สุดในโลกในปัจจุบัน ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีจำนวนสถาบัน “ขงจื๊อ” และห้องเรียน “ขงจื๊อ” มากที่สุดในภูมิภาคเอเชีย และห้องเรียนขงจื๊อที่โรงเรียนมัธยมศึกษาไตรมิตรในประเทศไทยถือเป็นห้องเรียนขงจื๊อแห่งแรกของโลก เมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา พระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุทิดา พัชรสุธาพิมลลักษณ พระบรมราชินี เสด็จฯ ทอดพระเนตรการแสดงของคณะกายกรรมจีนและทรงมีพระราชดำรัสชื่นชมอย่างสูง ขณะเดียวกัน การแสดงบัลเลต์เรื่อง “ความฝันในหอแดง” ของจีนซึ่งเปิดการแสดงเวทีนานาชาติเป็นครั้งแรกในประเทศไทยก็ได้รับการตอบรับอย่างอบอุ่นจากประชาชนชาวไทย สะท้อนถึงการยอมรับและชื่นชมอย่างสูงของราชวงศ์ รัฐบาล และสังคมไทยต่อศิลปะการแสดงของจีน นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา มีการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) จากวัดหลิงกวง กรุงปักกิ่งมาประดิษฐานในประเทศไทย นอกจากนี้ “เสวี่ยหลง 2” เรือตัดน้ำแข็งสำรวจขั้วโลกจากจีนเยือนไทยเป็นครั้งแรก รวมทั้งกองเรือที่ 83 สังกัดกองทัพเรือแห่งกองทัพปลดแอกประชาชนจีนได้เยือนประเทศไทย ซึ่งล้วนช่วยเสริมสร้างมิตรภาพระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ รูปแบบการแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนของจีนและไทยมีความหลากหลายยิ่งขึ้น โดยวรรณกรรมออนไลน์ ภาพยนตร์และซีรีส์ออนไลน์ รวมทั้งเกมออนไลน์ ได้รับความนิยมในหมู่เยาวชนไทย การแลกเปลี่ยนระหว่างประชาชนระหว่างจีนและไทยแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มใหม่ของการผสมผสานระหว่างประเพณีและความทันสมัย ก่อให้เกิดสถานการณ์ใหม่ ๆ ระหว่างภาครัฐและประชาชน
เมื่อมองไปข้างหน้า จีนและไทยจะเสริมสร้างการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมและความผูกพันระดับประชาชนให้มากและแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น โดยจะขยายความร่วมมือระหว่างสถาบันศิลปวัฒนธรรม และสถาบันอุดมศึกษาของทั้งสองประเทศ ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนในด้านใหม่ ๆ เช่น มรดกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ อุตสาหกรรมความคิดสร้างสรรค์ วัฒนธรรมดิจิทัล และอื่น ๆ เพื่อเพิ่มความเข้าใจระหว่างประชาชนของทั้งสองประเทศอย่างต่อเนื่อง และทำให้คำว่า “จีนไทยใช่อื่นไกล พี่น้องกัน” ฝังลึกในจิตใจของประชาชนมากยิ่งขึ้น
People’s Daily Online: ท่านมีมุมมองอย่างไรต่อความร่วมมือที่แน่นแฟ้นระหว่างจีน-ไทยในกรอบพหุภาคีต่าง ๆ เช่น ความร่วมมือล้านช้าง-แม่โขง อาเซียน เอเปค และได้บรรลุผลสำเร็จเชิงบวกในด้านใดบ้าง
นายจาง เจี้ยนเว่ย: ความสัมพันธ์จีน-ไทย ก้าวพ้นขอบเขตทวิภาคี โดยมีผลประโยชน์ร่วมกันอย่างกว้างขวาง และมีจุดยืนข้อเสนอที่ใกล้เคียงกันในกิจการระหว่างประเทศและกิจการภูมิภาค มีความร่วมมือที่ดีภายใต้กลไกพหุภาคีต่าง ๆ เช่น ความร่วมมือล้านช้าง-แม่โขง, จีน-อาเซียน, ความร่วมมือบริคส์, และเอเปค
จีนและไทยต่างเป็นผู้ส่งเสริมสำคัญของกลไกความร่วมมือล้านช้าง-แม่โขง โดยจีนสนับสนุนให้ไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้นำกรอบความร่วมมือล้านช้าง-แม่โขง ครั้งที่ 5 ในเดือนธันวาคมปีนี้
จีนและไทยร่วมกันรักษาสถานะศูนย์กลางของอาเซียน มุ่งมั่นแก้ไขปัญหาที่ร้อนแรงผ่านการเจรจาและการปรึกษาหารือ สนับสนุนการแก้ไขข้อพิพาทไทย-กัมพูชาอย่างสันติผ่าน “แนวทางอาเซียน” ทั้งสองฝ่ายร่วมกันผลักดันการลงนาม และดำเนินการของความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) และการยกระดับเขตการค้าเสรีจีน-อาเซียน เวอร์ชัน 3.0 ดำเนินความร่วมมือเชิงลึกในด้านเทคโนโลยีขั้นสูง เช่น การเชื่อมต่อ พลังงานสะอาด เศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งเป็นการเสริมพลังขับเคลื่อนใหม่ต่อการบูรณาการทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคอย่างเข้มแข็ง และมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมการสร้างประชาคมจีน–อาเซียนที่มีอนาคตร่วมกันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
ท่ามกลางสถานการณ์ระหว่างประเทศที่เต็มไปด้วยความผันผวนและความท้าทาย ประเทศไทยชื่นชมและสนับสนุนอย่างแข็งขันต่อข้อริเริ่มของจีน ได้แก่ ข้อริเริ่มการพัฒนาระดับโลก (GDI) ข้อริเริ่มความมั่นคงระดับโลก (GSI) ข้อริเริ่มอารยธรรมระดับโลก (GCI) และข้อริเริ่มธรรมาภิบาลโลก (GGI) จีนมีความพร้อมที่จะร่วมมือกับไทยในการผลักดันการปฏิบัติให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมของข้อริเริ่มทั้งสี่ประการดังกล่าว โดยมุ่งเน้นการรักษาความยุติธรรมและความเที่ยงธรรมในระดับนานาชาติ รวมถึงการปกป้องผลประโยชน์ร่วมกันของกลุ่มประเทศโลกใต้ (Global South)