บทสัมภาษณ์ผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์: บทบาทของกองทุนและความร่วมมือกับจีน

(People's Daily Online)วันจันทร์ 08 ธันวาคม 2025

ดร.ธนกร ศรีสุขใส ผู้จัดการกองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ ได้ให้สัมภาษณ์กับ People’s Daily Online เมื่อวันที่ 5 พฤศจิกายน 2568 ถึงบทบาทหน้าที่ของกองทุนและความร่วมมือกับจีนและต่างประเทศโดยกล่าวถึงบทบาทหลักของกองทุนว่า เป็นองค์กรของรัฐซึ่งจัดตั้งโดยพระราชบัญญัติ ใช้ชื่อว่า“กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์” หรือ “Thai Media Fund”

บทบาทของกองทุนฯ: อบรม-ให้ทุน-รณรงค์-ร่วมมือ

ดร.ธนกร กล่าวว่า “เราเป็นหน่วยงานของรัฐแต่ไม่ได้ทำงานแบบราชการ วัตถุประสงค์คือการจัดตั้งเป็นกองทุนกองทุนหนึ่ง ทำหน้าที่ในการส่งเสริมสนับสนุนการพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์” สิ่งที่หน่วยงานของกองทุนฯ ทำหลัก ๆ มีห้าประการ ประการแรกคือการให้ทุนในการผลิตสื่อ ซึ่งทำมาประมาณ 8-9 ปีแล้ว โดยในหนึ่งปีจะเปิดให้บุคคลทั่วไปขอทุนหนึ่งรอบเป็นอย่างน้อย กลุ่มเป้าหมายของเราอยู่ในทุกกลุ่มตั้งแต่เด็ก เยาวชน ผู้สูงอายุ คนพิการคนด้อยโอกาส ประชาชนทั่วไปที่ทำสื่อ ศิลปินและอินฟลูเอ็นเซอร์ให้พวกเขามีทุน ไปทำคอนเทนท์ดี ๆ ที่สร้างสรรค์

ประการที่สอง กองทุนพัฒนาสื่อปลอดภัยและสร้างสรรค์ยังดำเนินการฝึกอบรมให้แก่เด็กและเยาวชนให้เป็นเยาวชนผู้สร้างสื่อ (young content creator) ทำให้พวกเขาสามารถจัดทำเนื้อหาดี ๆ เผยแพร่สู่สังคมได้

ประการที่สาม กองทุนฯ ทำในเรื่องของการรณณรงค์สร้างความรู้ สร้างความตระหนักรู้ให้คนในสังคมมีทักษะในการรู้เท่าทันสื่อ ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมาก ๆ ในสังคมปัจจุบัน ทักษะการรู้เท่าทันสื่อจะทำให้พลเมืองสามารถคิดและวิเคราะห์ได้ว่าอะไรจริงไม่จริง ไม่ใช่เจออะไรแล้วเชื่อทันที

ประการที่สี่ กองทุนฯ สนับสนุนด้านความรู้ เรามีหลักสูตรการเรียนการสอนให้มหาวิทยาลัยนำไปใช้ เรามีการทำมีเดีย Alert ที่จะทำวิจัยต่าง ๆ ว่าสภาพการณ์ตอนนี้ทางด้านสื่อของประเทศไทยหรือในอาเซียนเป็นอย่างไรแล้วเราก็จะนำมาเผยแพร่ เพราะฉะนั้นเราจะมีงานที่เกี่ยวกับการสร้างองค์ความรู้ งานวิจัยอย่างต่อเนื่องตลอด

ประการที่ห้า กองทุนฯ ร่วมมือกับหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งภาครัฐและภาคเอกชน บริษัท มูลนิธิ สมาคม ซึ่งความร่วมมือไม่จำกัดเฉพาะในประเทศไทย ยังมีความร่วมมือกับหน่วยงานในต่างประเทศ ล่าสุดได้ไปประชุมเรื่อง Media partner cooperation week ที่หนานหนิง มีการเจรจากับกวางสีทีวี ได้ไปศูนย์ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่หนานหนิง รวมทั้งการผลิตหนังสั้นด้วยการใช้เอไอ กองทุนฯ สร้างความร่วมมือกับทุกส่วนงานในประเทศไทย โดยเมื่อทางกองทุนฯ สร้างคอนเทนท์ดี ๆ รายการดี ๆ ก็นำส่งรายการไปออกตามช่องทางต่าง ๆ และบางครั้งอาจมีการร่วมผลิตหรือทำโครงการฝึกอบรมร่วมกัน

ดร.ธนกร กล่าวเสริมว่า “เราเป็นหน่วยงานของรัฐที่ต้องการพัฒนาตนเองให้เป็นสมาร์ทออฟฟิศ หรือ smart organization ต้องปรับตัวและนำระบบดิจิทัล เทคโนโลยีสารสนเทศหรือระบบไอทีมาใช้”

โครงการที่กองทุนฯ ทำในปัจจุบัน: สร้างคน-สร้างสื่อ-สร้างองค์ความรู้-สร้างภูมิคุ้มกัน-สร้างเครือข่าย

ดร.ธนกร กล่าวถึง โครงการที่กองทุนฯ ทำในปัจจุบันมี 6 เรื่อง ได้แก่ 1.สร้างคนที่จะมาเป็นผู้ผลิตหรือนักสร้างสรรค์เนื้อหา (producer or content creator) 2.สร้างสื่อ (มีเดีย) ส่งเสริมให้มีการผลิตสื่อ 3.สร้างองค์ความรู้ เป็นสิ่งสำคัญมาก มีงานวิจัยของหลายประเทศ โดยเฉพาะในจีน ซึ่งคิดว่าจีนประสบความสำเร็จในเรื่องการศึกษาและการพัฒนาความรู้ดีมาก 4.สร้างภูมิคุ้มกัน คือรณรงค์ให้พลเมืองมีทักษะรู้เท่าทันสื่อ 5. สร้างเครือข่าย หน่วยงานของกองทุนฯ มีหน้าที่ส่งเสริมสนับสนุน ไม่ใช่บังคับใช้กฎหมาย “เราไม่มีอำนาจบอกให้ใครหยุด หรือทำ แต่ส่งเสริมสนับสนุนให้ทำแบบไหนมาก ๆ หรือไม่ควรทำแบบไหน” ซึ่งเครือข่ายเป็นสิ่งที่จำเป็นมากในการทำงานรณรงค์ทางสังคม 6.สร้างองค์กร สิ่งที่สำคัญมาก ๆ คือ บุคลากรภายในองค์กร ถ้าองค์กรเราไม่มีบุคลากรที่มีคุณภาพ เราทำงานยาก เพราะสิ่งที่เราตั้งเป้าไว้ว่าจะทำนั้น จะเกิดได้เนื่องจากความเข้มแข็งของบุคลากร ฉะนั้นการพัฒนาบุคลากรเป็นเรื่องไม่ง่าย อีกทั้ง ณ ปัจจุบันที่โลกเปลี่ยนเร็ว เทคโนโลยีเปลี่ยนเร็ว เช่น มีโดรนขนส่งสินค้า มีการฉีดพ่นยาในแปลงเกษตร ความรู้ใหม่เกิดตลอดเวลา ถ้าบุคลากรไม่อัปเดทว่าเกิดอะไรขึ้น ความรู้เก่าบางทีก็ใช้ไม่ได้แล้ว ต้องเปิดรับความรู้ใหม่ ๆ และปัญหาใหม่ๆ

นอกจากนี้ ดร.ธนกร กล่าวถึง การทำงานร่วมกับเด็กและเยาวชนในปัจจุบันว่าจะทำอย่างไรให้พวกเขาเติบโตมาในโลกที่สามารถก้าวไปพร้อมกับเทคโนโลยีดิจิทัล และยังสามารถรักษาสิ่งดี ๆ ที่มีอยู่เดิมให้ไปด้วยกันได้ โดยหน่วยงานของกองทุนฯ ได้ดำเนินการฝึกอบรมบุคลากรขององค์กรอย่างต่อเนื่องทุกปี และมีแผนจะส่งคนไปอบรมต่างประเทศหรือเชิญวิทยากร หรือผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศมาฝึกอบรมให้ที่ไทย นอกจากนี้ ยังได้จัดโครงการสำหรับเด็กและเยาวชนทุกปี โดยเปิดรับสมัครเข้าแคมป์เยาวชน อย่างที่กว่างสีทีวีทำ ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมของ ASEAN-China Media Week ในอนาคตเราวางแผนว่าจะทำแคมป์เยาวชนร่วมกันให้ขยายใหญ่มากขึ้น

ดร.ธนกร กล่าวเสริมว่า “เราจำเป็นต้องเรียนรู้และพัฒนาไปพร้อม ๆ กับผู้ผลิตสื่อและเยาวชน ต้องปรับเปลี่ยนวิธีคิด มุมมอง พัฒนาทักษะในการใช้ดิจิทัลไปด้วย ซึ่งช้าไม่ได้ เพราะโลกเปลี่ยนเร็ว เราต้องเรียนรู้ให้เร็วและตามให้ทันโลก”

ความร่วมมือระหว่างประเทศ

ดร.ธนกร กล่าวว่า เฉพาะจีน ในปีหน้าเราจะมี 2-3 โครงการ โครงการแรกที่จะเป็นความต่อเนื่องกับรัฐบาลกว่างสี โดยงาน ASEAN CHINA MEDIA Week ครั้งที่ 8 ที่จีนจะจัด จะเป็นหนึ่งในงานที่เราจะเข้าร่วมและ เรื่องที่สอง “ผลพวงจากโครงการเล็ก ๆ ภายใต้ ASEAN Youth Camp เราจะเข้าร่วมในระดับที่มากขึ้น และเราจะเชิญผู้เชี่ยวชาญจากจีนมาเป็นวิทยากรบรรยายในงานที่เราจะจัดในวันที่ 22-23 ธันวาคมนี้ และได้หารือร่วมกับหน่วยงานในจีนว่าเราอยากทำโครงการส่งเยาวชนไปอบรมเรื่องการใช้เอไอในการทำหนังสั้น หรืออาจเชิญวิทยากรจากจีนมาสอนเรื่องนี้ในไทย”

นอกจากนี้ ยังมีโครงการที่จะทำคือการเล่าเรื่องจากคนไกลบ้าน ให้เด็กไทยที่ไปเรียนที่กวางสีทำคลิปสั้นเล่าเรื่องการใช้ชีวิตในหนานหนิง และมาออกอากาศที่ไทย และขณะเดียวกันก็อยากทำโครงการที่เด็กจีนที่มาเรียนในไทย โดยทำคลิปการใช้ชีวิตในไทยว่าเป็นอย่างไร ชอบอาหารแบบไหน อะไรที่คิดว่าคนจีนไม่ชอบ

ดร.ธนกรกล่าวถึงความร่วมมือที่คาดหวังในอนาคตกับสื่อจีนว่า “การศึกษา วัฒนธรรม และสื่อเป็นสะพานเชื่อมคนทุกชาติทุกภาษาเข้าด้วยกัน ความร่วมมือที่จะมีต่อไปในอนาคตในด้านวัฒนธรรม ศิลปะ เพลง ดนตรี การศึกษา เชื่อว่าไทยกับจีน กับอาเซียนจะสามารถสร้างความสุขร่วมกันให้แก่คนทุกประเทศ จะส่งผลให้มนุษย์รักกันและโลกจะน่าอยู่ยิ่งขึ้น ความสัมพันธ์ของเราก็จะเจริญงอกงามยิ่ง ๆ ขึ้นไป”